นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ความไม่สมดุลของเงินทุนเคลื่อนย้ายกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น กระทรวงการคลัง และ ธปท. ได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้เงินทุนไหลออกซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันที่มีต่อค่าเงินบาทรวมทั้งช่วยให้การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศสะดวกมากขึ้น มีผลบังคับใช้วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1.การยกเว้นการนำเงินรายได้จากการส่งออกกลับประเทศโดยอนุญาตให้ผู้ส่งออกที่มีรายได้ต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์ สรอ. ต่อใบขนฝากเงินไว้ในต่างประเทศโดยไม่จำกัดระยะเวลา ในปี 2561 รายได้รวมจากการส่งออกที่ต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์ สรอ. ต่อใบขน มีมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือครึ่งหนึ่งของมูลค่าของการส่งออกทั้งหมด
หากผู้ส่งออกมีรายได้สูงกว่าวงเงินข้างต้นสามารถนำไปหักกลบกับรายจ่ายในต่างประเทศได้ ไม่ต้องนำกลับเข้าประเทศ เพียงขึ้นทะเบียนกับ ธปท. และยื่นเอกสารหลักฐานกับธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ที่เปิดกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศให้ง่ายขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศ โดยพักเงินไว้ในต่างประเทศเพื่อรอชำระค่าใช้จ่ายช่วยให้บริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้น
ธปท. ได้หารือเบื้องต้นกับนายอุตตมสาวนายน รมว.คลัง ว่าจะขยายวงเงินรายได้จากการส่งออกไม่ต้องนำกลับเข้าประเทศเป็น 1 ล้านดอลลาร์สรอ. ต่อใบขน ภายในระยะ 3 เดือน ซึ่งจะครอบคลุมประมาณ 80% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด
2.การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยเปิดเสรีให้นักลงทุนรายย่อยออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เองในวงเงิน 200,000 ดอลลาร์ สรอ. ต่อปี จากเดิมที่ต้องผ่านตัวกลางในประเทศ เพิ่มวงเงินรวมสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่จัดสรรให้นักลงทุนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็น 150,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพื่อรองรับการออกไปลงทุนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
3.การโอนเงินออกนอกประเทศ เปิดเสรีการโอนเงินออกนอกประเทศได้ทุกวัตถุประสงค์ ยกเว้นเพียงไม่กี่รายการ อาทิ การชำระธุรกรรมซื้อขาย FX/THB กับสถาบันการเงินในต่างประเทศที่ยังต้องขออนุญาตจาก ธปท. อนุญาตให้โอนเงินให้ตนเองหรือญาติที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศได้เสรี และสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ สามารถโอนได้ในวงเงินไม่เกิน 50ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี ประชาชนหรือภาคธุรกิจที่ต้องการโอนเงินออกนอกประเทศต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์ สรอ. ต่อครั้ง ไม่ต้องยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมสะดวกขึ้น
4.การซื้อขายทองคำในประเทศเป็นเงินตราต่างประเทศ อนุญาตให้ลูกค้าคนไทยที่มีการลงทุนซื้อขายทองคำกับบริษัทผู้ค้าทองคำที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. ชำระราคาในรูปเงินตราต่างประเทศผ่านบัญชี FCD ที่เปิดกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศได้ โดยไม่ต้องแลกเป็นบาทเพื่อรอลงทุนครั้งต่อไป นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะอนุญาตการซื้อขาย Gold Futures ในรูปเงินตราต่างประเทศในระยะต่อไป
นายกลินทร์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)กล่าวว่า กกร.เตรียมทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง และ ธปท. เพื่อหารือถึงในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อหามาตรการและแนวทางดูแลอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทระยะกลางและระยะยาวไม่ให้แข็งค่าเพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2563 ได้มากขึ้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สอท. ย้ำว่าจำเป็นต้องทบทวนนโยบายอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนที่ต้องมีการปรับโครงสร้างระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบกึ่งจัดการในปัจจุบันให้เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ไทยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบนี้มาตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ช่วงที่ไทยมีปัญหาการเงิน ฐานะการคลัง
ตกต่ำ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง แต่ขณะนี้ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นอยู่ในสถานะที่เข้มแข็งหากยังคงใช้ระบบเดิมอาจไม่เหมาะ
“หากเป็นไปได้อยากเห็นค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เพราะขณะนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าตั้งแต่ต้นปีแล้ว 7-8% ส่งผลให้มูลค่าส่งออกของไทยคาดว่าปีนี้จะหาย ไปราว 2-3 แสนล้านบาทจึงจำเป็นต้องดูแลเพราะภาคส่งออกคิดเป็น 70% ของจีดีพี หากเกิดปัญหาจะกระทบไปถึงการจ้างงานให้เกิดชะลอตัวในระยะต่อไปได้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี