กสอ. ดันหมู่บ้าน CIV เน้นอัตลักษณ์ท้องถิ่น ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ดึงดูดนักท่องเที่ยว หวังสร้างรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2019 (Mastercard Global Destination Cities Index, GDCI 2019) ระบุว่าประเทศไทย มีเมืองท่องเที่ยวติดอันดับความนิยมใน 20 อันดับแรก ถึง 3 แห่ง โดยกรุงเทพมหานครยังคงครองอันดับ 1 เมืองจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเยือนมากที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 4 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากถึง 22.78 ล้านคน ขณะที่ภูเก็ต ติดอันดับ 14 มีนักเดินทางมาเยือนมากถึง 9.89 ล้านคน และพัทยา ติดอันดับ 15 มีนักเดินทางมาเยือน 9.44 ล้านคน นั่นแสดงให้เห็นถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดคนทั่วโลกให้เข้ามาในประเทศไทย มาจากความโดดเด่นของศิลปวัฒนธรรม เอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ความหลากหลายทางชีวภาพ อาหาร ความมีน้ำใจไมตรีและความสามารถในการบริการของคนไทย
นายณัฐพล กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ตระหนักเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงได้จัดทำโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV) ขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน เพื่อดึงอัตลักษณ์ของชุมชนผสานกับการใช้องค์ความรู้ การสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผนวกกับองค์ความรู้เทคโนโลยี สร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์และบริการ เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บูรณาการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ นำเสนอภาพลักษณ์ของประเทศไทยในมุมมองใหม่ที่แตกต่าง เน้นคุณค่าที่นักท่องเที่ยวจะได้รับจากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ่านวิถีความเป็นไทย เพื่อหวังขยายฐานการท่องเที่ยวจากเมืองหลักไปเมืองรอง เพื่อเพิ่มรายได้แก่ชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่อยู่ติดบ้านในต่างจังหวัด ลดปัญหาความหนาแน่นของประชากรที่เข้ามาหางานทำในเขตนิคมอุตสาหกรรม และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
ทั้งนี้ กสอ. ได้น้อมนำแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “ระเบิดจากข้างใน” เป็น “หัวใจ” ในการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้าน CIV ด้วยตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างรากฐานชุมชนให้แกร่งจาก “ข้างใน” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยมีธุรกิจการท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายในการสร้างรายได้ โดย CIV มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ 1. การประยุกต์ใช้ทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยว เช่น การทำโฮมสเตย์ การทดลองปั้นเครื่องปั้นดินเผา การทำผ้าบาติก 2. ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เช่น สินค้า OTOP 3. แหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรม โดยในปี พ.ศ. 2559 กสอ. ได้นำร่องจำนวน 9 หมู่บ้าน ใน 9 จังหวัดที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไปตามอัตลักษณ์ของแต่ละหมู่บ้าน โดยสำรวจศักยภาพชุมชนและความต้องการของชุมชนสร้างความรู้ ความเข้าใจกับผู้นำชุมชนเพื่อหาจุดร่วมกันในการสร้างความร่วมมือของผู้ผลิตสินค้าชุมชน และประชาชนทั่วทั้งชุมชน พร้อมใจกันจัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้าน พัฒนาสินค้าและบริการเพื่อรองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวสร้างโอกาสทางการตลาดและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน จากกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์และสร้างการรับรู้สินค้าและบริการที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน
จากนั้นในปี พ.ศ. 2561 กสอ. ได้ใช้กลไกลประชารัฐและเน้นชุมชนเป็นกลาง เสริมสร้างทักษะฝีมือในการผลิตสินค้า และพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถนำความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานกับทรัพยากรที่มีชุมชนสร้างเอกลักษณ์ของสินค้าและบริการไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและเน้นการเชื่อมโยงสินค้าชุมชนสู่ตลาดการท่องเที่ยว รวมทั้งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ มีการจัดทำคู่มือการท่องเที่ยวและสร้างการรับรู้หมู่บ้าน CIV รูปแบบแอปพลิเคชั่น ชื่อ “CIV Like” โดยดำเนินการพัฒนาทั้งสิ้นจำนวน 27 ชุมชน และในปี พ.ศ. 2562 กสอ. ได้ดำเนินการพัฒนาหมู่บ้าน CIV เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการชุมชนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และเพิ่มศักยภาพด้านการบริหารจัดการชุมชน การนำอัตลักษณ์ของชุมชนมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และบริการชุมชนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง และสามารถเข้าถึงช่องทางการตลาด สามารถเผยแพร่วิถีชีวิต อัตลักษณ์ชุมชนผ่านสื่อทั้ง Online และ Offline ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการด้านการบริหาร จัดการชุมชน หรือ การเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์/บริการชุมชน และการพัฒนาขยายเครือข่ายและบริหารจัดการธุรกิจชุมชน การจัดทำสื่อแนะนำการท่องเที่ยวชุมชน การเชื่อมโยงชุมชนเข้ากับการท่องเที่ยว การศึกษาดูงานชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ เพื่อสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติ รวมถึงสร้างความสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายการดำเนินงานร่วมกันในอนาคต มีเป้าหมายทั้งสิ้น 215 หมู่บ้าน 800 ราย 800 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท
“ธุรกิจการท่องเที่ยวพัฒนามาไกลด้วยระบบโลจิสติกส์ การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น ขณะที่เทคโนโลยีทำให้เสน่ห์ของชุมชนเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วมากขึ้น ผ่านการโพสต์ การแชร์ภาพถ่ายในโซเชียลมีเดีย จึงอาจกล่าวได้ว่า ชุมชนที่ยังคงบรรยากาศเดิม ๆ ยังรักษาอัตลักษณ์วิถีพื้นบ้านไว้ได้อย่างมีชีวิตชีวา คือ ความถวิลหาของนักท่องเที่ยว เราจึงเน้นการบริหารจัดการธุรกิจการท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นการทำงานแบบบูรณาการ นอกจากความโดดเด่นผลิตภัณฑ์ ชุมชนยังต้องการความรู้ในการบริหารจัดการในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยว การปรับปรุงภูมิทัศน์ ที่พัก และกิจกรรมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และอาชีพ ที่จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวให้ใช้เวลาอย่างเนิบช้าเพื่อเติมเต็มประสบการณ์อันมีค่า มีเวลาซึมซับความเงียบที่อ่อนโยนท่ามกลาง การเคลื่อนไหวอันเป็นปกติของวิถีชุมชน สุดท้ายแล้ว นอกจากคนในชุมชนจะมีอยู่มีกิน มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สิ่งที่ตามมาคือความรัก ความหวงแหนบ้านเกิดของตัวเอง” นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี