นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในรอบ 9 เดือน ของปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมกว่า 16,900 ล้านบาทขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,113 ล้านบาท นับว่ามีผลประกอบการที่น่าพอใจ โดยเฉพาะผลการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งมีรายได้รวมกว่า 6,000 ล้านบาท โตขึ้นจากไตรมาสก่อน 40% โดยรายได้จากการขายเติบโตขึ้นถึง 61% จากการทยอยโอนส่งมอบคอนโดมิเนียม อาทิ โครงการ 98 Wireless(ไนน์ตี้เอทไวร์เลส), ทากะ เฮาส์ และดีคอนโด หาดใหญ่ รวมถึงการโอนที่อยู่อาศัยคุณภาพให้แก่ลูกค้าตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3 อยู่ที่ 424 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสก่อนถึงเกือบ 50%
ความสำเร็จดังกล่าวมาจากกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจโดยการรุกตลาดแนวราบซึ่งเป็นตลาดที่มาจากเรียล ดีมานด์ ลูกค้ามีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง แสนสิริจึงสร้างความแตกต่างด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่ครอบคลุมแบรนด์แนวราบ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ พร้อมสร้างความแข็งแกร่งและจุดเด่นในแต่ละแบรนด์ที่ชัดเจน แตกต่างเหนือคู่แข่งส่งผลให้ผลประกอบการประสบความสำเร็จ
“ผลงานที่สำคัญในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาแสนสิริยังได้เข้าซื้อเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมรายหนึ่งใน Standard International Holdings,LLC. หรือ SIH บริษัทแม่ของโรงแรม The Standardแบรนด์โรงแรมอเมริกัน โดยแสนสิริได้ถือหุ้นเพิ่มจาก 37.26% เป็น 60.37% ส่งผลให้ SIH เป็นบริษัทย่อยทางตรงของ Sansiri (US), Inc. และเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท โดยปริยายทั้งนี้ ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปีเต็ม หลังจากที่แสนสิริได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Standard International ได้ประกาศแผนการขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติโดยการเปิดโรงแรมแห่งใหม่ทั่วโลก พร้อมขยายสู่ 25 โรงแรมภายใน 5 ปีข้างหน้า” นายวันจักร์ กล่าว
ไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ถือเป็นช่วงสำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการที่ลูกค้าจะมองหาและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ นอกจากนี้
จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐที่ประกาศลดค่าโอน ค่าจดจำนอง จนถึงสิ้นปี 2563 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัยให้มีความคึกคักและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในช่วงปลายปีนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในช่วงไตรมาส 4 รวมอีก 10 โครงการ รวมมูลค่า 14,800 ล้านบาท เพื่อตอบรับเรียล ดีมานด์ รวมถึงบริษัทยังมีพรีเซลแบ๊กล็อก อีกกว่า 59,000 ล้านบาท ที่จะรองรับการเติบโตระยะยาวเป็นระยะเวลาอีก 3 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี