นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทเจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JCK ได้แสดงความคิดเห็นถึงมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล คือ โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” เพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ 50,000 บาทต่อราย ให้กับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน กับมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% เฉพาะการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินหรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
โดยมาตรการดังกล่าวมุ่งเน้นเฉพาะตลาดลูกค้าระดับกลางถึงล่าง ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่ขาดกำลังซื้อและได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากที่สุด ภาวะหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ตลอดจนมาตรการควบคุมสินเชื่อของสถาบันการเงิน (LTV) ทำให้ผู้ซื้อมีภาระเงินดาวน์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้หดตัวลงอย่างรุนแรง ทำให้มาตรการดังกล่าวส่งผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก
ดังนั้นภาครัฐควรเน้นกระตุ้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง หรือ อสังหาริมทรัพย์ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ปัจจุบันมีทรัพย์คงค้างในตลาดสูงถึง 1.5 แสนยูนิต หากเร่งระบายออกไปได้หมด คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 5 แสนล้านบาท และขยายระยะเวลาออกไปสิ้นสุดถึงปี 2564 เพื่อให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
มาตรการที่ออกมาเรียกได้ว่าเกาไม่ถูกที่คัน ภาครัฐกลับไปกระตุ้นในกลุ่มที่กำลังซื้ออยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผลบวกต่อระบบเศรษฐกิจไม่ได้แรงเท่าที่ควร รัฐบาลควรขยายมาตรการไปกลุ่มที่ยังคงมีกำลังซื้อสูงด้วย โดยทรัพย์ที่ค้างในตลาด 1.5 แสนยูนิต ส่วนใหญ่มีมูลค่าขายเกินกว่า 3 ล้านบาท โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีซัพพลายคงค้างอยู่ในตลาดค่อนข้างมาก อีกทั้งจากราคาต้นทุนที่ดินในปัจจุบันที่สูงขึ้นมาก ทำให้การพัฒนาโครงการใหม่ที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท/ยูนิตทำได้ยาก
จึงเห็นว่า ควรจะขยายมาตรการให้ครอบคลุมทั้งตลาดบน-ล่าง ตลอดจนขยายระยะเวลาออกไปถึงสิ้นปี 2564 เพื่อให้สามารถระบายสต๊อกคงค้างที่มีอยู่และรองรับการลงทุนในโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการขยายลงทุนต่อ และมีเม็ดเงินกลับเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งจะส่งผลดีต่อธุรกิจซัพพลายเชนอื่น เช่น กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
“นอกจากนี้ ยังช่วยผลักดันยอดขายของกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ปัจจุบันมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบสงครามการค้า และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 7-8% จากต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยนำเม็ดเงินจากต่างประเทศหมุนเวียนเข้ามาได้อีกทางหนึ่งหากรัฐบาลกล้าตัดสินใจตามที่เสนอ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว รัฐบาลน่าจะได้เม็ดเงินภาษีจากระบบเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวมากกว่างบประมาณที่จะเสียไปอย่างแน่นอน” นายอภิชัยกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี