เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 นายสมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทยนำทีมคณะกรรมการบริหารสมาคมแถลง สถานการณ์กุ้งของไทย ปี 2562 ว่า ผลผลิตกุ้งเลี้ยงปี 2561 โดยรวมอยู่ที่ 290,000 ตัน ส่วนผลผลิตกุ้งเลี้ยง ปี 2562 นี้อยู่ที่ประมาณ 290,000 ตันเป็นจำนวนเท่ากับปี 2561 พร้อมคาดการณ์ว่าปี 2563 จะผลิตกุ้งได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 หรือประมาณ 350,000-400,000 ตัน หากทุกปัจจัยเอื้ออำนวย โดยผลผลิตกุ้งไทย ปี 2562 ร้อยละ 34 เป็นผลผลิตกุ้งจากภาคใต้ตอนล่าง ร้อยละ 30 จากภาคตะวันออก ร้อยละ 25 จากภาคใต้ตอนบน และร้อยละ 12 จากภาคกลาง ตามลำดับ
ขณะที่การส่งออกในช่วง 10 เดือนแรก ของปีนี้ อยู่ที่กว่า 135,200 ตันลดลงร้อยละ 5.51 คิดเป็นมูลค่ากว่า 40,185 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.77 และเชื่อว่าตลอดปีไทยจะส่งออกกุ้งได้เพียง 160,000-165,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 50,000-55,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นมูลค่าลดลงร้อยละ 11 หรือปริมาณลดลงร้อยละ 5 เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ส่งออกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมากโดยเงินบาทแข็งค่า 1 บาท เท่ากับต้นทุนส่งออกหายไปคิดเป็น 5-10 บาทต่อกิโลกรัม โดยปีนี้พบว่าเงินบาทแข็งค่าจากปีก่อนถึงร้อยละ 10 ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกลดลงอย่างมาก ขณะที่คู่แข่งค่าเงินอ่อนค่าลงกลับแข็งขันดีกว่าไทยมาก จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
นายปกครอง เกิดสุข อุปนายกสมาคมกุ้งไทย และประธานที่ปรึกษาชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคใต้ตอนล่างว่า ผลผลิตปี 2562 คาดการณ์ว่ามีผลผลิตประมาณ 99,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ประมาณร้อยละ 4 จากปัญหาภาวะราคากุ้งผันผวน ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งฝั่งอันดามันปรับตัวไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำมากขึ้น นอกจากนี้พบปัญหาโรคอีเอ็มเอส อาการขี้ขาว และโรคตัวแดงดวงขาว
ทพ.สุรพล ประเทืองธรรม นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกุ้งไทย และนายกสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย กล่าวว่า ขณะนี้ไทยยังเผชิญปัญหาการเลี้ยงและอุปสรรคต่างๆ ที่พี่น้องเกษตรกร และส่วนที่เกี่ยวข้องต้องไปช่วยกันปรับปรุงแก้ไขพัฒนาร่วมกัน ส่วนเรื่องที่ต้องให้รัฐดำเนินการให้ได้แก่ แก้ปัญหาเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งเกินไป ทำให้ไม่สามารถส่งออกและแข่งขันได้ ภาครัฐควรมีการสนับสนุนส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีการเจรจากับตลาดคู่ค้าเพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ
ด้านนายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทปี 2563 ยังมีแนวโน้มแข็งค่า แต่อัตราการแข็งค่ามีแนวโน้มชะลอลง โดยแข็งค่าประมาณ 1-2 % และเงินบาทจะเคลื่อนไหว 2 ทิศทางมากขึ้น โดยคาดว่าเงินบาทมีกรอบเคลื่อนไหว 29.25-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากสิ้นปีนี้ที่30.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยจะแข็งค่าสุดที่ 29.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 4/2563 โดยตลาดระมัดระวังสัญญาณการดูแลค่าเงินบาทจากทางการเพิ่มเติม หลังจากปี 2562 เงินบาทแข็งค่ามากถึง 7.41% แข็งค่ามากสุดในเอเชีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี