5G Security ความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกาย อันตรายต่อสิ่งแวดล้อมที่ถูกมองข้าม การไหลทะลักของขยะอิเล็กทรอนิกส์เศษซากโทรศัพท์มือถือเข้าสู่ประเทศ เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงระบบเทคโนโลยี 5G ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก
หลายประเทศทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีระบบ 5G โดยในปี 2560 หลายบริษัทต่างพัฒนาเทคโนโลยี 5G โดยเริ่มจาก เอกชนผู้ให้บริการ Samsung,Intel,Qualcomm,Nokia,Huawei,Ericsson,ZTE ในการใช้ระบบเครือข่ายไร้สายที่ถูกพัฒนาและเริ่มวางแผนใช้ในปี 2561 เป็นต้นมา การพัฒนาระบบ 5G ที่มีเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีคลื่นความถี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 20 กิกะบิตต่อวินาที เป็น Multiple Input Multiple Output หรือ MIMO มีประสิทธิภาพสูงซึ่งเร็วกว่า 4G ถึง 10 เท่า ซึ่งหลายๆ ประเทศทั่วโลกจะใช้เทคโนโลยีระบบ 5G บนย่านความถี่ต่ำและกลาง โดยจะใช้ความถี่ระหว่าง 600 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ถึง 6 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) โดยเฉพาะระหว่างช่วงคลื่นความถี่ย่าน 3.5-4.2 GHz
แต่การพัฒนาเทคโนโลยีไปข้างหน้าด้วยการส่งสัญญาณ ของแบบ MIMO ที่มีความเร็วกว่า 4G ถึง 10 เท่านั้น จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนผู้ใช้บริการ 5G หรือไม่ ยังไม่มีประเทศใดที่กำหนดการใช้คลื่นความถี่หรือ ที่เรียกว่า มาตรฐานการแพร่คลื่นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์กำหนดการแพร่กระจายของสัญญา แบบสากล และทั่วโลกยังไม่ได้มีการกำหนดมาตรฐานฯ นี้ออกมารองรับระบบ 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เฉกเช่นเดียวกันประเทศแถบยุโรป ประเทศสวีเดนที่ยังไม่มีการเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ โดยสาเหตุหลักๆ คือมาจาก หน่วยงานกำกับดูแลกรมไปรษณีย์โทรคมนาคมสวีเดน หรือ PTS PTS ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะเรื่อง 5G Security และ PTS น่าจะทำเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การมี 5G ของสวีเดนล่าช้า อันเนื่องมาจาก PTS อยากจะยกเครื่องเรื่องการกำกับดูแล Network Security ก่อนดังนั้นถึงกำลังจะมีการออกมาตรการรองรับผลกระทบการใช้คลื่นความถี่กับสุขภาพ ซึ่งใช้เวลาในการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ มากว่า 6 เดือน และสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา
ขณะที่รัฐบาลประเทศแคนาดาได้กำหนดเรื่องการกำหนดมาตรฐานการแพร่คลื่นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ โดยจะเห็นได้จากซึ่งการส่งสัญญาณจากสถานีฐานไปยังเครื่องลูกข่ายด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น ใช้คลื่นความถี่มากขึ้นเป็นเพระมีการใช้เทคโนโลยีแบบ Massive MIMO ใน 5G โดยเทคโนโลยี Massive MIMO จะไม่กระจายคลื่นไปทุกทิศทุกทาง เหมือนสถานีฐาน 4G ที่ใช้สายอากาศแบบธรรมดา ใน 5G จะยิงสัญญาณเป็นบีม Beam ดังนั้นใช้คลื่นปริมาณที่เท่ากับ 4G หรือน้อยกว่า แต่จะสามารถทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อ 4G ใช้มากว่า 10 ปี แล้วไม่มีปัญหาอะไร 5G ตามตรรกะแล้วก็ไม่มีผลอะไร
อย่างไรก็ตามรัฐบาลแคนาดาใช้มาตรฐานระดับ Code 6 คือ การกำหนดความปลอดภัยสูงสุดที่กำหนดให้สถานีฐานปล่อยสัญญาณออกมาในระดับที่ต่ำกว่า ข้อกำหนดความเสี่ยงจากสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าถึง 50 เท่า หรือ อาจกล่าวได้กว่าสัญญาณมือถือได้ถูกกำกับให้แพร่คลื่นที่มีความปลอดภัยสูงกว่าค่ามาตรฐานความปลอดภัยจากแม่เหล็กไฟฟ้าถึง 50 เท่า ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยของรัฐบาลแคนาดานี้ได้เตรียมพร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ทั้ง 5G และ IoT ไว้หมดแล้ว
ส่วนประเทศไทย กสทช.เร่งที่จะให้มีการประมูล 5G โดยเงื่อนไขการประมูลต่างเสร็จสิ้นพร้อมที่จะประมูลได้ในวันที่ 16 ก.พ. 2563 แต่ยังไม่ได้มีออกประกาศฯ ใดในการกำหนดมาตรฐานการแพร่กระจายคลื่นความถี่ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ และยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าการส่งสัญญาณ คลื่น 5G จะไม่ได้รับอันตรายใดๆ ขณะเดียวกันเมื่อมีการเกิดของ 5G เครื่องลูกข่าย หรือ มือถือ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ “เก่าไป ใหม่มา” โทรศัพท์ 4G,3G,2G ก็จะถูกโยนทิ้ง และนำไปสู่ การเกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) ซึ่ง กสทช.ไม่ได้กำหนดแผนรองรับขยะที่มาจากเศษซากโทรศัพท์มือถือหากมีการประกาศ ปิดระบบ 2G อย่างจริงจัง
นายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า เข้าใจว่าสำนักงาน กสทช.ยังไม่ได้มีการใส่รายละเอียดในเงื่อนไขของการประมูล 5G ที่จะเกิดขี้น เนื่องจากรอมาตรฐานการแพร่กระจายคลื่นความถี่ระดับโลก และมาตรฐานมิลิมิเตอร์เวฟ ยังไม่มีใครสรุป ซึ่งแต่ก่อนการส่งสัญญาณจะใช้กับกิจการดาวเทียมบนคลื่นความถี่ย่าน 26 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อประชาชน แต่พอมาใช้ภาคพื้นดินการส่งสัญญาณไปในทุกทิศทาง ประชาชนก็จะกังวล
“ตอนนี้มาตรฐานโลกยังไม่มีการกำหนด ถามว่า 5G มีผลกระทบต่อสุขภาพจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ทุกคลื่นความถี่จะต้องมีการกำหนดมาตรฐานเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะยาวจะต้องกำหนด แต่หากมีการกำหนดมาตรฐานออกมา กสทช.จะต้องออกประกาศฯ บังคับใช้ต่อไป”
ถึงแม้ 5G จะเป็นโครงสร้างดิจิทัลที่สำคัญของประเทศ...
แต่ลืมไปแล้วหรือไม่ ผลกระทบการใช้คลื่นความถี่กับสุขภาพจะต้องยิ่งให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก การกำหนดมาตรฐานการแพร่กระจายคลื่นความถี่ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ ควรคำนึงเป็นอันดับต้นๆ
ขณะเดียวกันนโยบายการปิดระบบ 2G ของ กสทช.ที่อาจจะเป็นสาเหตุของการเพิ่มขึ้นของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มาจากเศษซากโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ทีวีที่ถูกใช้แล้ว ขยะเหล่านี้พบมีปริมาณกว่า 80 ล้านตันในแต่ละปี ที่กำลังไหลเข้าสู่ประเทศที่แรงงานราคาถูก กฏระเบียบไม่เข้มแข็ง เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลย และสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับประชาชนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
อย่างน้อยรัฐบาลควรมีมาตรการรองรับ ที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม ทั้งในเรื่องของการส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงานมากกว่าจะเน้นราคา หรือการกำหนดเปอร์เซ็นต์ ของวัสดุที่จะต้องย่อยสลายได้ในวันที่อุปกรณ์เหล่านี้ตกรุ่นไปแล้ว รัฐบาลจะต้องคอยจับตาดูเรื่องนี้ไม่ให้ซากมือถือกลายมาเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ และล้นเข้าสู่ประเทศไทย
น้ำฝน บำรุงศิลป์/รายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี