นายบุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ นักเศรษฐศาสตร์ บล.ทรินีตี้ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับสหรัฐจากการประเมินสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะยืดเยื้อราว 5-10 เดือนไปจนถึงการเลือกตั้งสหรัฐในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 หาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้งเหตุการณ์น่าจะจบลงได้ คาดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้สหรัฐน่าจะมีโอกาสชนะประมาณ 40% เพราะอิหร่านน่าจะทนแรงกดดันจากการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจไม่ไหว และไม่น่าจะถูกยกระดับเป็นสงคราม
“ส่วนโอกาสจะปิดช่องแคบฮอร์มุซมีประมาณ 20% ซึ่งการปิดจะทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกหายไปประมาณ 4.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ก็มีอุปทานทดแทนจากเชลออยล์ของสหรัฐอีก 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจากรัสเซียอีก 2 ล้านบาร์เรลต่อวันทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่มีส่วนเกินกลับมาต่ำลงจากอุปทานโลกต่อวันเล็กน้อย ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นได้”
นายบุญธรรมกล่าวต่อว่าราคาน้ำมันคาดว่ามีโอกาสปรับขึ้นได้ หากสหรัฐมีการยิงตอบโต้กับอิหร่าน ซึ่งคาดว่าน้ำมันจะขึ้นไประดับ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ถ้ามีเหตุปิดช่องแคบฮอร์มุซราคาน้ำมันอาจขึ้นไปที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และประเมินว่าน้ำมันมีโอกาสขึ้นไปสูงสุดที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ หากมีการยิ่งตอบโต้กัน รวมถึงมีโอกาสขึ้นไปที่ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากมีเหตุการณ์บานปลายที่ยืดเยื้อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี