“สมคิด”เผยยอดขอส่งเสริมลงทุนปี 62 กว่า 7.56 แสนล้านบาท "อีอีซี"กวาดเม็ดเงินลงทุนไป 59% ด้านจีนโหมลงทุนไฮสปีด ดันยอด 2.6 แสนล้านแซงหน้าญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายแก่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า บีโอไอได้รายงานสถานการณ์การลงทุนในปี 2562 ที่ผ่านมา มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 1,624 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 756,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 750,000 ล้านบาท โดยนักลงทุนจีนยื่นขอรับการส่งเสริมมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 260,000 ล้านบาท รองลงมาเป็นญี่ปุ่น 73,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จีนขึ้นมาเป็นอันดับแรก
สำหรับคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 506 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 444,880 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด โดยจังหวัดระยอง มีมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุด ตามด้วยจังหวัดชลบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทราตามลำดับ
ทั้งนี้ ยอดคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายมีจำนวน 838 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 286,520 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38 ของมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด โดยอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เงินลงทุนรวม 80,490 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เงินลงทุนรวม 74,000 ล้านบาท และอันดับ 3 ได้แก่ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ เงินลงทุนรวม 40,100 ล้านบาท
นายสมคิด กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอในปี 2563 ยังไม่ได้มีการกำหนดไว้ แต่ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ดีนัก ดังนั้นบีโอไอต้องเร่งรัดการทำงานให้มากขึ้น โดยในต้นเดือน ก.พ.นี้คาดว่าจะมีการประชุมบอร์ดบีโอไอขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังจะร่วมมือกับบีโอไอเสนอมาตรการเพื่อเร่งรัดการลงทุนของผู้ประกอบการไทยใน 6 เดือนข้างหน้าโดยอาศัยจังหวะที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าในขณะนี้
นอกจากนี้มอบหมายให้บีโอไอให้ความสำคัญกับโครงการส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ(สมาร์ทซิตี้)เป็นพิเศษ เพราะโครงการใหญ่ๆของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ก็เกิดขึ้นชัดเจนหมดแล้ว ซึ่งภายในอังคารนี้ก็คงจะทราบผลการประมูลสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ก็จะเหลือเพียงศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา(MRO) ซึ่งอีอีซียืนยันว่า จะสรุปเอกชนภายในปีนี้ดังนั้นเมื่อมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆก็จะต้องมีพื้นที่อยู่อาศัย สำนักงานออฟฟิศที่เป็นสมาร์ทอย่างแท้จริงโดยเฉพาะในจ.ฉะเชิงเทรา ก็จะหารือที่ให้มีการออกมาเป็นแพคเกจต่อไปอีกในอนาคต
"ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้บีโอไอเปิดมิติการลงทุนใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมรูปแบบเดิมๆไปสู่อุตสาหกรรมที่เน้นใช้เทคโนโลยีในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากโดยเชื่อมโยงกับวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) ซึ่งจะต้องเกิดให้ได้ภายในปีนี้โดยประกอบด้วย 4 กลุ่มอุตสาหกรรมได้แก่ 1. อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ 2 .อุตสาหกรรมสร้างสรรค์หรือ Creative Economy 3. อุตสาหกรรมกลุ่มโมเดลเศรษฐกิจรูปแบบ BCG (Bio,CircularและGreen) และ 4. การลงทุนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก"นายสมคิด กล่าว
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า สำหรับปี 2563 คาดว่าการลงทุนยังมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากบีโอไอได้ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน เพื่อเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ผ่านมาตรการ Thailand Plus ที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในปี 2563 และมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 รวมทั้งได้ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ใช้อยู่เดิมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ก่อนที่บีโอไอจะนำเสนอมาตรการ SMEs ที่ปรับปรุงใหม่ในการประชุมบอร์ดครั้งต่อไป
นอกจากนี้ บีโอไอยังได้ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีโดยให้โครงการลงทุนในทุกพื้นที่ในอีอีซีสามารถได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม (ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% 3 ปี หรือยกเว้น 2 ปี) ไม่ว่าจะตั้งอยู่ในนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมหรือไม่ หากโครงการรับนักศึกษาฝึกงานตามจำนวนขั้นต่ำที่กำหนด
"เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่วนโครงการที่ตั้งในพื้นที่พิเศษ (เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) และศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ พัทยา หรือ EECmd) รวมทั้งนิคมนิคมหรือเขตอุตสาหกรรม ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอันเนื่องจากที่ตั้งอีกด้วย"นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้ มาตรการนี้ใช้สำหรับคำขอรับการส่งเสริมที่ยื่นตั้งแต่ 2 มกราคม 2563 จนถึงสิ้นปี 2564 แต่หากตั้งโครงการในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ ได้แก่ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) และศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ พัทยา หรือ EECmd ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี