‘สรรพากร-สตม.’ลงนามเชื่อมข้อมูล‘บล็อกเชน’ บริการ‘คืนภาษี’นทท.ต่างชาติฉับไว
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 มกราคม 2563 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) และ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร ร่วมกันแถลงข่าวการเชื่อมโยงข้อมูล การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของชาวต่างชาติ ผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ ลดภาระในการขอคืนภาษี ช่วยให้ได้รับความสะดวกสบาย รับเงินคืนภาษี อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้ในการขออนุญาตอยู่ต่อของคนต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทย ระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกับกรมสรรพากร โดยมี พล.ต.ต.ณัฐพลแสวงกิจ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.จักรทิพย์ ศตพิมลศักดิ์ ผู้บังคับการศูนย์เทคโนโลยี , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 (รอง ผบก.ตม.1) ผู้แทนโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมแถลงข่าว
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) กล่าวว่า ทาง สตม.รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลของคนต่างด้าว เพื่อประกอบการเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักรไทย ระหว่างกรมสรรพากรและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วันนี้ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ทั้ง 2 หน่วยงาน คือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกรมสรรพากร มีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูล แบบแสดงรายการภาษีและข้อมูลของคนต่างด้าว ในการเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักรไทยให้ถูกต้อง ผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะผู้ที่เข้ามาทำธุรกิจ และประกอบอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับการบริการที่สะดวกและประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น ตามมาตรฐานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกรมสรรพากร ในการให้บริการตามนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยไม่ขัดต่อหลักความมั่นคงของประเทศต่อไป
“หลักสำคัญของการทำ MOU ระหว่างกรมสรรพากรกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในครั้งนี้ คือ เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวหรือเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และมีการใช้จ่ายเพื่อเป็นรายได้เข้าประเทศไทยสามารถที่จะรับ vat Refund หรือภาษีคืนได้อย่างรวดเร็วจากเดิมที่จะต้องไปขอเอกสารและขั้นตอนต่างๆ ซึ่งใช้เวลาและยุ่งยาก สามารถที่จะได้รับเงินคืนด้วยความรวดเร็วฉับไวในทางระบบเทคโนโลยีมีการลงทะเบียนล่วงหน้า และสามารถเรียกคืนได้ในแอปของมือถือที่อยู่ในเครื่องของตนเองได้ทันที ประหยัดเวลา ใช้เวลาน้อย และทันสมัย สมกับเป็นการทำงานในรูปในยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็วฉับไวอย่างแท้จริง และทำให้ชาวต่างชาติพอใจในการเดินทางมาประเทศไทย เพื่อการท่องเที่ยวหรืออื่นในการซื้อของจับจ่ายใช้สอยและมีการขอคืนภาษีได้อย่างรวดเร็ว” ผบช.สตม. กล่าว
ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กรมสรรพากรได้ตกลงเชื่อมโยงข้อมูลแบบแสดงรายการภาษี ที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลนั้นแล้ว รวมถึงข้อมูลใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและข้อมูลใบผ่านภาษีอากร (ก่อนออกเดินทาง) ให้แก่ สตม. เพื่อใช้ในการขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ในส่วนของ สตม. ได้ตกลงเชื่อมโยงข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรไทยของนักท่องเที่ยวให้แก่กรมสรรพากร เพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น การพิจารณาคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว การออกหนังสือรับรองเพื่อการรัษฎากรเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันความร่วมมือ โดยยึดหลักการรักษาความปลอดภัยที่เคร่งครัดเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูล และเก็บรักษาโดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสมในการรักษาชั้นความลับเป็นสำคัญ
“ความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร และ สตม. ในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐที่ทำให้บริการภาครัฐอยู่ในรูปแบบ one stop service ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ช่วยลดค่าใช้จ่ายการบริการภาครัฐ และมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวและบริการต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป” พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าว
ด้าน ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรได้ร่วมมือกับ สตม. ในการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกของชาวต่างชาติผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการพิจารณาคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นการนำข้อมูลมาใช้เพื่อรองรับระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าให้เพิ่มขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 2.6 ล้านราย มูลค่าการซื้อสินค้าจำนวน 46,654 ล้านบาท ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี