นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แผนงานในปีนี้ที่กรมจะเร่งดำเนินการ คือ การเปิดให้เอกชนยื่นสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่(รอบที่ 23) ซึ่งจะเป็นการเปิดครั้งแรกในรอบ 13 ปีนับจากปี 2550 คาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวน (TOR) ให้เอกชนเข้ามายื่นสำรวจฯได้ภายในเดือนเมษายน 2563 นี้และจะใช้เวลาในการพิจารณาเห็นชอบและอนุมัติเสร็จภายในสิ้นปีนี้และลงนามกับเอกชนได้ภายใน ม.ค. 2564 โดยการเปิดให้ยื่นสำรวจฯครั้งนี้จะเน้นพื้นที่ในทะเลอ่าวไทย ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC) ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนสำรวจขั้นต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท
“หากไม่นับรวมการประมูลให้สิทธิ์สำรวจฯเอราวัณ-บงกช ที่จะหมดอายุสัมปทาน เราไม่ได้เปิดให้มีการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศมาตั้งแต่ปี 2550 การเปิดครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี โดยปี 2557 ครั้งสุดท้ายจะมีการเปิดให้ยื่นฯแต่ก็ไม่สำเร็จครั้งนั้นกำหนดแปลงในทะเลอ่าวไทยไว้ 6 แปลง ก็ต้องมาดูใหม่ครั้งนี้ว่าจะเหลืออย่างไรก็จะสรุปแปลงได้ชัดเจนภายในก.พ.นี้เราหวังว่าเราจะได้รับความสนใจจากเอกชนเพราะเราไม่ได้เปิดมานานแล้วซึ่งแนวทางดำเนินงานก็เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับพลังงานไทยและยังคงรักษาไว้ซึ่งอุตสาหกรรมต่อเนื่องเพื่อสร้างงานและเศรษฐกิจ” นายสราวุธกล่าว
สำหรับแปลงบนบกครั้งนี้ที่ยังไม่สามารถนำมาเปิดให้เอกชนยื่นสำรวจฯได้เพราะติดปัญหาระเบียบสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ที่ยังไม่อนุญาตให้ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมสามารถขอเข้าไปใช้ประโยชน์ปฏิรูปที่ดินสำหรับกิจกรรมกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้จึงต้องใช้เวลาในการไปเจรจากับหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไปโดยการสำรวจฯรอบนี้เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปมากที่จะเอื้อต่อการสำรวจรอบใหม่
ทั้งนี้ในปี 2562 ที่ผ่านมาไทยจัดหาปิโตรเลียมจากแหล่งในประเทศคิดเป็น 40% ของความต้องการใช้ในประเทศ โดยมีปริมาณการผลิตรวม 821,060 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน มีสัมปทานปิโตรเลียมอยู่ 38 สัมปทาน 48 แปลงสำรวจ แบ่งเป็นสำรวจในทะเลอ่าวไทย 29 แปลงและแปลงสำรวจบนบก 19 แปลง และสามารถส่งรายได้เข้ารัฐรวมในปี 2562 กว่า 1.6 แสนล้านบาทนับเป็นกรมที่ส่งรายได้เข้าแผ่นดินสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ
นายสราวุธ กล่าวว่า กรมยังเตรียมหารือกับกระทรวงต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคงภายในกุมภาพันธ์ เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ตามนโยบายนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์รมว.พลังงาน ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศ เนื่องจากพื้นที่ดังคาดว่าจะมีศักยภาพและหากพัฒนาได้จริงก็จะทำให้เกิดความมั่นคงในระบบพลังงานไทยมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการพัฒนาจะอยู่บนเงื่อนไขที่ไม่เสียอธิปไตยทั้งสองประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี