"คมนาคม"ทุ่มงบกลางปี63วงเงิน90ล้านบาท สั่งทบทวนศึกษารถไฟเส้นทางชุมพร-ระนองใหม่ สนองนโยบายรัฐบาลเชื่อมต่อการเดินทาง ขณะที่ความคืบหน้าพ.ร.บ.ขนส่งทางรางฯคาดเสนอครม.หลังเม.ย.นี้
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2563 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้ทบทวนการศึกษารถไฟ เส้นทางชุมพร-ระนอง เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางทั้งระบบ โดยเฉพาะทางน้ำ เพื่อให้การดำเนินการเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เสนอของบประมาณในการศึกษาและตั้งงบประมาณปี 2563 แต่ทางสำนักงบประมาณได้ความเห็นให้มีการชะลอไปก่อน จึงได้มีนโยบายมาให้การรถไฟฯ นำเรื่องกลับมาศึกษาออกแบบรายละเอียดใหม่อีกครั้ง และจะใช้งบกลางปี 2563 วงเงิน 90 ล้านบาท และคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2564
ขณะที่การเร่งรัดการศึกษาในเส้นทางดังกล่าว สืบเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนาการขนส่งเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทุกเส้นทางมีความจำเป็น และจะต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ ในส่วนของทางด้านกรมเจ้าท่าก็ได้ร่วมกับกรมรางฯ สร้างเป็นสะพานเศรษฐกิจ (แลนด์บริดจ์) นั้น อาจจะต้องขยับมาอยู่ในพื้นที่ที่ประชาชนให้ความร่วมมือ และมีความเข้าใจทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-หัวหิน นั้น ให้ดำเนินการตามแนวเส้นทางที่ศึกษาไว้เหมือนเดิม แต่ในอนาคตจะพิจารณาให้มีการกระจายการพัฒนาในรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการพัฒนา และหากสามารถหาความเหมาะสมได้ แต่แนวทางการศึกษาต้องสามารถอธิบายให้ประชาชนทราบได้ ส่วนการวางโครงข่ายทางรถไฟ ทั้งการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้านั้น จะต้องมีความเหมาะสม พร้อมด้วยสร้างการพัฒนาเมืองรองรับในอนาคตเช่น การสร้างที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษาฯ เป็นต้น เพื่อเป็นการลดการกระจุกตัวในเมืองเดิม รวมถึงจะมีการนำต้นแบบของประเทศที่ประสบความสำเร็จในระบบราง มาประยุกต์ใช้ในไทย และจะมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยดำเนินการให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง พ.ศ. .... นั้น กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จหลังเดือน เม.ย.นี้ ก่อนส่งกลับมายังกระทรวงคมนาคม จากนั้นจะส่งไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป โดยหาก พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านการพิจารณาทั้งในเรื่องของบุคลากร รวมถึงการออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับระบบรางเช่น ใบอนุญาตขับขี่รถไฟ เป็นต้น ในส่วนของการแก้ปัญหาจุดตัดรถไฟ และปัญหาการจราจรนั้น จะต้องมีการกำหนดนโยบายอย่างชัดเจน และบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆเช่น การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กรมทางหลวง (ทล.) เพื่อพิจารณาสร้างทางยกระดับ หรือทางลอด ในการแก้ปัญหาดังกล่าว
สำหรับการเตรียมการและหาแนวทางการดูแลปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 นั้น ก็ได้มีการกำชับให้การก่อสร้างโครงการต่างๆของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าหลายสายในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยจะต้องคลุมพื้นที่ก่อสร้างป้องกันฝุ่นและวัสดุจะต้องไม่ตกลงมา ส่วนเรื่องของรถบรรทุกจะต้องมีการจัดระเบียบกันใหม่นั้นจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับกรมขนส่งทางบก ขณะที่หัวรถจักรรถไฟให้ประสานงานร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในการดูแลเรื่องฟีลเตอร์ต่างๆ หรือแม้แต่การสับเปลี่ยนหัวรถจักรที่มีความพร้อมมากกว่าในปัจจุบันเข้ามาให้บริการแทนหัวรถจักรเดิม ส่วนแนวทางการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อจูงใจให้ประชาชนมาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายแก้ฝุ่น PM 2.5 และลดค่าครองชีพ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 3 เดือน โดยขณะนี้ใกล้จะผ่านไปแล้ว 1 เดือน ดังนั้น ขอเวลาในการดำเนินการก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี