ll การขึ้นภาษีบุหรี่ครั้งล่าสุดและครั้งที่ใหญ่ที่สุดมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว แต่ประเด็นการขึ้นภาษีบุหรี่ยังคงเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง คุณเฉลิม อยู่บำรุงและทีมงานพรรคเพื่อไทย ซึ่งเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอยู่ถึงกับตั้งประเด็นว่าระบบภาษีใหม่นี้เอื้อประโยชน์บุหรี่ต่างชาติและทำให้รัฐเสียหาย วันนี้เลยอยากลองวิเคราะห์ดูว่าใครได้ ใครเสีย จากการขึ้นภาษีบุหรี่ดังกล่าว
ย้อนกลับไปมองเหตุการณ์เมื่อ 16 กันยายน 2560 รัฐบาลขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ โดยแบ่งอัตราภาษีตามมูลค่าเป็นสองขั้นตามราคาขายปลีกแนะนำ คือ 20% และ 40% ขณะเดียวกันก็เริ่มเก็บภาษีเพิ่มเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ภาษีเพื่อมหาดไทย” ในอัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต จากเดิมที่ไม่เคยเก็บภาษีชนิดนี้จากยาสูบมาก่อน ผลโดยรวมจากทั้งสองมาตรการนี้ทำให้บุหรี่ที่ถูกที่สุดในขณะนั้นต้องขึ้นราคาจากซองละ 40 บาท เป็นซองละ 60 บาททันที จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกษตรกรชาวไร่ยาสูบตาดำๆ กว่า 5 หมื่นครัวเรือน ต้องถูกตัดโควตารับซื้อใบยาสูบลงเกือบ50% เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกันในปี 2562-2563 รายได้ของพวกเขาหายไปราวปีละ 230 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากการที่การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ต้องลดการผลิตบุหรี่และลดสต๊อกใบยาลงเพราะผู้บริโภคหันไปซื้อบุหรี่เถื่อนหนีภาษีและเปลี่ยนไปสูบยาเส้นมวนเองทดแทนกันมากขึ้น จน ยสท. เองก็มีผลประกอบการลดลงราว 8,600 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2561
ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าผลการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตยาสูบและภาษีบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เก็บจากการขายบุหรี่ในอัตราซองละ 1.86 บาท ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ภาษีสรรพสามิตจากยาสูบที่เก็บโดยกรมสรรพสามิตหลังการขึ้นภาษีครั้งดังกล่าวลดลงรวมทั้งสิ้น 1,200 ล้านบาท ในช่วงปีงบประมาณ2561-2562 เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2560 และรายได้ภาษี อบจ. จากบุหรี่เก็บได้ลดลงกว่า 600 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน
หันมาดูผลประกอบการของด้านผู้นำเข้าบุหรี่ ในรอบปีบัญชี 2561 จากงบการเงินที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ผู้นำเข้า3 รายหลัก มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งรวมถึงภาษีบุหรี่ที่ต้องนำส่งรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่า ทำให้แต่ละรายมีผลประกอบการสุทธิลดลงทั้งสิ้น โดยคิดรวมกันกำไรสุทธิหายไปเกือบ 900 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับรอบปีบัญชี 2560
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั้งการยาสูบแห่งประเทศไทยและผู้นำเข้ารายใหญ่ทั้งหมดต่างมีผลประกอบการลดลงหรือขาดทุนมากขึ้นทั้งสิ้นแล้วใครกันคือคนที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นภาษีบุหรี่ครั้งที่ผ่านมาเงินกำไรของการยาสูบฯและผู้ประกอบการหายไปไหนกว่าหลายพันล้านบาท
หลายคนคงคาดไม่ถึงว่า “ตาอยู่” ที่อยู่เฉยๆ ก็ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีครั้งดังกล่าว คือกระทรวงมหาดไทย จากการเริ่มเก็บภาษีเพื่อมหาดไทย 10% จากยอดภาษีสรรพสามิตยาสูบนั้นเอง ซึ่งเมื่อพิจารณาว่ารายได้ภาษีสรรพสามิตจากยาสูบในปีงบประมาณ 2561-2562 เก็บได้ประมาณ 67,000-68,500 ล้านบาท ย่อมเท่ากับว่ากระทรวงมหาดไทยได้รายได้เพิ่มปีละ 6,700-6,850 ล้านบาท ซึ่งเงินภาษีเพื่อมหาดไทยทั้งหมดนั้นกระทรวงมหาดไทยมีการจัดสรรบางส่วนให้แก่เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ทุกปี
เมื่อผลกระทบที่เกิดจากการขึ้นภาษีครั้งดังกล่าวมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ ทำให้เกิดเสียงคัดค้านการขึ้นภาษีครั้งต่อไปที่จะหนักหนาสาหัสไม่แพ้เดิม เพราะโครงสร้างอัตราภาษีที่จะมีผล1 ตุลาคมนี้ จะทำให้บุหรี่ส่วนใหญ่ขึ้นราคาจากซองละ 60 บาท เป็นซองละ 90 บาท พร้อมทั้งเสียงเรียกร้องให้รัฐหาทางแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ด้วยการช่วยเหลือให้ชาวไร่ยาสูบหาพืชทดแทนและให้มีการพิจารณาวางแผนการขึ้นภาษีแบบค่อยเป็นค่อยไปในระยะยาวเหลือเวลาอีก 9 เดือนก่อนถึงกำหนดการขึ้นภาษีบุหรี่ครั้งต่อไป กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิต คงต้องเร่งหาวิธีที่จะให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ไม่ใช่รัฐมีแต่ได้ ขณะที่เกษตรกรย่ำแย่ ก็คงไม่น่าจะเป็นนโยบายที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน และสมควรต้องทบทวนแก้ไขโดยเร็ว
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี