‘วรวุฒิ อุ่นใจ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร OfficeMate และ B2S ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพรวมธุรกิจค้าปลีกของไทยและกรณีศึกษา The New Retail การสร้างประสบการณ์ค้าปลีกยุคใหม่จากกรณีศึกษาจริงในแบบของ OfficeMate และ B2S บนเวที Priceza E-Commerce Summit 2020 สุดยอดงานอัพเดทเทรนด์ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีโดย Priceza
วรวุฒิ อุ่นใจ เริ่มต้นพูดคุยถึงสถานการณ์ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกไทยในปัจจุบันว่า ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกทั้งอุตสาหกรรมในปี 2562 ไม่ค่อยสดใส ซึ่งเป็นไปตามสภาวะของเศรษฐกิจไทยชะลอตัว มีการปรับ GDP เหลือ 2.6% ลดลงจากคาดการณ์เมื่อต้นปีที่ 3.1% และสถานการณ์ค้าปลีกที่ชะลอตัวอย่างหนัก โดยเติบโตต่ำกว่า GDP ของประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
สาเหตุหลักที่ทำให้ค้าปลีกตกต่ำคือ ปัญหาเชิงโครงสร้างเรื่องภาษีนำเข้า โดยไทยถือเป็นประเทศอันดันต้นๆ ของโลกที่มีการเก็บภาษีสูง อยู่ที่ประมาณ 20-40% เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ที่ประมาณ 5-10% ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าในไทยแพง จึงทำให้คนไทยนิยมไปช้อปปิ้งที่ต่างประเทศและมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% คิดเป็นมูลค่าขั้นต่ำถึง 1 แสนล้านบาท ขณะที่ค้าปลีกในไทยเติบโตเฉลี่ยแค่ 2% โดยไทยควรใช้ข้อได้เปรียบจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมากถึง 40 ล้านคนต่อปี ให้ซื้อสินค้าในไทยมากขึ้นแทนการต่อเครื่องไปซื้อสินค้าประเทศอื่น เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เพราะสินค้าไทยราคาแพง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปรับโครงการสร้างด้านภาษี โดยเฉพาะสินค้าในหมวดไลฟ์สไตล์ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว รวมถึงการปรับตัวเองให้เป็น Shopping for Tourists เพื่อส่งเสริมธุรกิจ SME ไทยให้มีการเติบโต ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่น ที่แม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวเล็กก็มีการใช้ VAT Refund เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในการซื้อสินค้า
โอกาสการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกปี 2563
สำหรับธุรกิจไทยในปี 2563 นั้น เรียกว่าเป็นธุรกิจ 2 แสน คือ แสนสาหัสและแสนลำบาก เนื่องจากปัญหาเรื่องโครงสร้างภาษีนำเข้ายังไม่มีการแก้ไข แม้ภาครัฐจะมีมาตรการ ชิม ช้อป ใช้ ออกมาแต่มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น ไม่ได้แก้ปัญหาที่โครงสร้าง การกระจายรายได้และความเลื่อมล้ำในธุรกิจก็ยังไม่ได้ถูกแก้ไข ตลอดจนปัญหาสงครามการค้า (Trade War) ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยจีนได้มีการลดค่าเงินหยวนลง ส่วนภาวะค่าเงินบาทของไทยแข็งค่า จึงกระทบการภาคส่งออกส่งผลให้ส่งออกติดลบประมาณ 5% เพราะจีนถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญของไทย ซึ่งเมื่อค่าเงินดังกล่าวผันผวนส่งผลให้สินค้าไทยแพงกว่าจีนถึง 20 เท่า
ทั้งนี้ภาคการเกษตรเองก็มีปัญหาราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยาง ข้าว ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ช่วยได้คือ Value Added หรือการเพิ่มมูลค่าของสินค้า เช่น การพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป การผลิตถุงยางขายทั่วโลก เพราะยางของไทยมียอดการผลิตเป็นอันดับต้นๆของโลก ไม่ใช่แค่การขายยางแผ่นเพียงอย่างเดียว
ในส่วนของภาคธุรกิจ SME ก็ต้องมีการปรับตัวเข้าสู่ Digital Economy ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ ร้านอาหารที่ขายเฉพาะหน้าร้าน ต้องปรับไปใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น Foodpanda LINE MAN Grab โดยข้อมูลของร้านที่ปรับตัวมาใช้บริการเดลิเวอรี่มีรายได้เพิ่มขึ้น 7-8 เท่า ธุรกิจใดที่สามารถปรับตัวตามได้ก็จะสามารถอยู่รอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี