ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 49-54เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ54-59เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ(17 – 21ก.พ.63)
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำหลังตลาดยังคงกังวลกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในประเทศจีน โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน จะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรที่คาดว่าจะปรับลดลงอีก600,000 บาร์เรลต่อวันจากข้อตกลงเดิมที่ปรับลด 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ :
ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่ตลาดประเมินว่าไวรัสโคโรนาอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปี 63 ปรับลดลงราว 150,000 – 300,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามล่าสุด จำนวนผู้ป่วยรายใหม่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีนเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงซึ่งส่งผลดีต่ออุปสงค์ในตลาดน้ำมันสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) รายงานตลาดการขนส่งทางอากาศของจีนหดตัวลงในเดือน ม.ค. 63 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยมีผู้โดยสารเดินทางราว 50.6 ล้านเที่ยว ลดลงร้อยละ 5.3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับลดลงหลังโรงกลั่นของบริษัท Petrochinaของจีนลดกำลังการผลิตลงราว 320,000 บาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 9.6% จากกำลังการผลิตทั้งหมด 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ บริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีน Petrochina, Sinopec และ China National Offshore Oil (CNOOC) ลดกำลังผลิตรวมไปแล้ว 940,000 บาร์เรลต่อวัน อันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบายไวรัสโคโรนาสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ก.พ. 63 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 7.5 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 3 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากปริมาณน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรอาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีกราว 600,000 บาร์เรลต่อวัน จากข้อตกลงเดิมที่ปรับลดอยู่ที่1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันรัฐบาลจีนประกาศปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ลงครึ่งหนึ่งมูลค่า 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเดิมที่เคยเรียกเก็บภาษีที่อัตราร้อยละ 5-10 ในสินค้ากว่า 1,700 รายการขณะที่ ภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจะลดลงจาก 5% มาอยู่ที่ 2.5%โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 63 ทั้งนี้ อาจทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีขึ้น หลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 2 ปีส่งผลกดดันเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่การประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางจีน และการตีพิมพ์รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา(10 – 14ก.พ. 63)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้น 1.73เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 52.05เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น 2.85เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 57.32เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่55.09เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลโดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนลดลงแตะระดับต่ำสุดนับจากวันที่ 30 ม.ค. 63ทำให้ตลาดคลายความกังวลลงบางส่วนนอกจากนี้ กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรมีท่าทีที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกราว 600,000บาร์เรลต่อวันต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ของปี 63 เพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันที่ได้รับแรงกดดันจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี