“รมต.โอ๋” ไอเดียกระฉูดหยุดไม่อยู่ ผุด “แบริเออร์ยางพารา” การันตีผลทดสอบจากแดนกิมจิ สร้างความปลอดภัย-ช่วยเกษตรกรชาวสวนยางรับเงินโดยตรง พร้อมลุยแก้ PM 2.5 ติดเครื่องกรองอากาศบนหลังคารถเมล์ ดึงเงิน กปถ. จัดทำป้ายทะเบียนพิเศษ ฟอกลมหายใจคนกรุงฯ
“การคมนาคมขนส่ง” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ส่งเสริมการค้า การลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม ขนส่ง และโลจิสติกส์ในภูมิภาค ขณะเดียวกัน ยังเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเดินทางของประชาชนครบทุกรูปแบบ เชื่อมโยงโครงข่ายครอบคลุมในทุกพื้นที่ ทั้งกรุงเทพมหานครปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ในภูมิภาค รวมไปถึงเชื่อมต่อกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย
“กระทรวงคมนาคม” ในฐานะกระทรวงที่กำกับดูแลหน่วยงานในสังกัด ทั้งส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ ครอบคลุมทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ภายใต้การบริหารงานของ “รมต.โอ๋-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้ออกนโยบายต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการคมนาคมของไทย ให้ทัดเทียมกับประเทศชั้นนำทั่วโลก รวมถึงนโยบายฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง กระจายรายได้ให้กับประชาชน และกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคด้วย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
ย้อนไปเมื่อ ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา หลัง “บิ๊กโอ๋” ได้เข้าดำรงตำแหน่งขึ้นนั่งคุม “กระทรวงคมนาคม” อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งออกนโยบายที่จะดำเนินการ แบ่งเป็นระยะต่างๆ เพื่อพัฒนาการคมนาคมของไทย รวมถึงเพื่อสนับสนุนเดินทางของประชาชนได้อย่างสะดวกสบาย และที่สำคัญ คือ การสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย
ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการแปรนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคมไปสู่การปฏิบัติ ครั้งที่ 1/2563 “รมต.โอ๋” นั่งหัวโต๊ะ ตามงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงนโยบายที่ได้มอบหมายให้ดำเนินการนั้น พร้อมปิ้งไอเดียกระฉูดหลายนโยบาย ไม่ว่าจะเป็น การเตรียมเอาแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ (Barriers Rubber Fender) มาครอบแบริเออร์คอนกรีต ซึ่งไม่เพียงจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนแล้ว ยังช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับเงินอย่างคุ้มค่า และถือมือโดยตรง
สำหรับความคืบหน้า “แผ่นยางหุ้มแบริเออร์” นั้น ในขณะนี้ อยู่ระหว่างการทดสอบที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยในวันที่ 20 ก.พ.-23 ก.พ. 2563 “ศักดิ์สยาม” พร้อมด้วยนายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) จะเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้ เพื่อรับผลการทดสอบแผ่นยางหุ้มแบริเออร์พร้อมทั้งลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับกระทรวงคมนาคมของประเทศเกาหลีใต้ด้วย
หลังจากก่อนหน้านี้ ทช. ได้มีการทดสอบไปแล้วที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ คือ มีความแข็งแรง รวมถึงสร้างความปลอดภัยจากแรงปะทะได้ถึง 30% เมื่อใช้ความเร็วรถ 120 กม./ชม. จากเดิมแบริเออร์คอนกรีตรับได้ 90 กม./ชม.
“เกษตรกรชาวสวนยาง” จะได้อะไร? กับไอเดียของ “รมต.โอ๋” กล่าวคือ ต้นทุนแผ่นยางหุ้มแบริเออร์นั้น ต้นทุนราคาจะเท่าเดิมกับที่เป็นแบริเออร์คอนกรีต หรือมีราคาประมาณ 6,000 บาท ส่วนแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ที่เอามาครอบคอนกรีตนั้น มีราคาไม่เกิน 6,000 บาท โดยในงบประมาณลงทุนดังกล่าว จะไปถึงมือเกษตรกรชาวไร่สวนยางโดยตรง เนื่องจากหลังจากนี้ จะมีการ MOU กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการให้สหกรณ์ชาวสวนยางเป็นผู้ผลิตตามรูปแบบและมาตรฐานของกรมทางหลวง (ทล.) และ ทช. รับซื้อยางพาราโดยตรง
นอกจากนี้ จากตัวเลขปริมาณน้ำยางพาราที่จะใช้นั้น อยู่ที่ 80% ซึ่งหมายความว่า ต้นทุนแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ ราคา 6,000 บาท เกษตรกรจะได้รับเงิน 4,800 บาท ขณะเดียวกัน แผ่นยางหุ้มแบริเออร์ จะมีต้นทุนถูกกว่าการทำเกาะหญ้า และได้พื้นที่การจราจรมากกว่า รวมถึงการก่อสร้างเร็วกว่า อีกทั้งยัประหยัดต้นทุนในการบำรุงรักษามากกว่าอีกด้วย
ขณะที่แผ่นยางหุ้มแบริเออร์แล้ว “รมว.คมนาคม”แห่งพรรคภูมิใจไทย ยังหาไอเดีย และทดลองต่างๆ เพื่อให้สอดรับกลับกับการปัญหาสถานการณ์ปริมาณค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินมาตรฐาน ซึ่งในเบื้องต้นได้ตกผลึกมาแล้วว่า ได้ร่วมกับคณะนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ออกแบบเครื่องฟอกอากาศเคลื่อนที่ติดบนหลังคารถ โดยนำร่องที่รถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก่อนขยายผลต่อไป
จากประเด็นดังกล่าว “เจ้ากระทรวงคมนาคม ระบุเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมาว่า จากการรายงานผลการทดสอบของคณะทำงานฯ ที่ได้ทดสอบกับรถเมล์ ขสมก. 1 คัน สาย 34 (รังสิต-หัวลำโพง) พบว่า การทดสอบอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ โดยเมื่อรถเมล์ ขสมก.ที่ติดเครื่องฟอกอากาศบนหลังคารถ สูงประมาณ 25 ซม. โดยมีไส้กรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งหากใช้ความเร็วเฉลี่ย 20 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น สามารถกรองอากาศได้ 20,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหลังจากนี้ เตรียมรายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบด้วย
อย่างไรก็ดี ก่อนที่อากาศจะผ่านเครื่องฟอกอากาศนั้น พบว่า เครื่องวัด PM 2.5 ระบุค่าวัดอยู่ที่ 48-51 ไมครอน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่มีพบฝุ่น PM 2.5 แต่เมื่อผ่านเครื่องกรองอากาศแล้ว อากาศที่ออกมาอยู่ที่ 1-2 ไมครอนเท่านั้น ถือว่าต่ำมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการทดสอบ 30 วัน ก่อนที่จะประเมินผล และนำไปดำเนินการกับรถเมล์ ขสมก. ที่มีกว่า 3,000 คันในปัจจุบัน และหากวิ่งทั้งวันจะช่วยฟอกอากาศได้ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร, โดยจะขยายผลไปใช้ในรถ บขส. และรถของราชการด้วย
ในส่วนของงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการนั้น จะนำเงินจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ที่ในปัจจุบันมีเงินในกองทุนฯ ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ด้วยการออกไอเดีย พร้อมมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ไปพิจารณาจัดทำป้ายทะเบียนพิเศษ ที่สามารถกำหนดชื่อเฉพาะส่วนตัวลงไปในป้ายทะเบียนได้ แทนตัวอักษร-จังหวัดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น บุรีรัมย์ยูไนเต็ด เป็นต้น โดยในต่างประเทศที่ได้ใช้แล้ว คือ สหรัฐอเมริกา สำหรับการดำเนินการดังกล่าวนั้น เพื่อนำเงินจากผู้ที่สนใจป้ายทะเบียนพิเศษนั้น เข้ากองทุน กปถ. และนำมาใช้ในโครงการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศบนหลังคารถเมล์ ขสมก. จำนวน 3,000 คัน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่น PM 2.5
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี