นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ของไทยในไตรมาส 4/62 ขยายตัว 1.6% ต่ำสุดในรอบ 21 ไตรมาส จากผลกระทบสงครามการค้า และการส่งออกที่ลดลง 4.9% ขณะที่งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ล่าช้า ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ทั้งปี 2562 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 2.4% ลดลงจากปี 2561 ที่ขยายตัว 4.2% โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าลดลง 3.2% การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 4.5% การลงทุนรวมขยายตัว 2.2% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 0.7% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล6.8% ของจีดีพี
ขณะที่แนวโน้มปี 2563 คาดจีดีพีไทยจะขยายตัวในกรอบ 1.5 - 2.5% ชะลอตัวลงจากปี 2562 ตามปัจจัยเสี่ยงการระบาดของไวรัสโควิด-19
ปัญหาภัยแล้ง และความล่าช้าของงบประมาณ ส่วนปัจจัยหนุน คือ การปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจและการค้าโลก การขยายตัวในการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชนและรัฐ แรงขับเคลื่อนจากมาตรการรัฐ และการขยายตัวที่ต่ำในไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 พร้อมคาดการณ์การส่งออกปี 2563 จะขยายตัว 1.4% การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว3.5% และการลงทุนรวมจะขยายตัว 3.6% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.4-1.4% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 5.3% ของจีดีพี
อย่างไรก็ตาม หากจีดีพีไทยปี 2563 จะขยายตัวได้ในกรอบกลางที่ 2% จะอยู่ภายใต้สมมุติฐาน คือ เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.2% มูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำขยายตัว 2% การแพร่ของไวรัสโควิด-19เข้าสู่จุดสูงสุดในเดือนมีนาคมและสิ้นสุดลงเดือนพฤษภาคม ทำให้ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวรวม 37 ล้านคนและมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.73 ล้านล้านบาทขณะที่ปัญหาภัยแล้งส่งผลต่อการผลิตของภาคเกษตรลดลงเพียง 5% และไม่ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ส่วนการเบิกจ่ายงบฯรวมอยู่ที่ 91.2% โดยมีการเบิกจ่ายงบประจำ 98% และงบลงทุน 65%
ด้านศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (ESU) มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาส 4 ยังบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบางและมีโมเมนตัมที่อ่อนแอลงมาก ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 2020 มีแนวโน้มชะลอลงกว่าที่เราคาดไว้เดิมทั้งจากปัจจัยในประเทศ คือสถานการณ์ภัยแล้งที่น่าจะรุนแรงและความล่าช้าในการบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯออกไปจากเดิมอีกเล็กน้อย รวมทั้งปัจจัยต่างประเทศ คือ การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะขยายตัวต่ำกว่าระดับ 2% (เราอยู่ในระหว่างการปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่)
ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับปัจจุบันไปช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อน เพื่อประเมินผลกระทบของปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยว่ามีพัฒนาการเป็นอย่างไร หลังได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.00% ตามคาด ในการประชุมครั้งแรกของปีเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในระยะข้างหน้ายังคงมีความเป็นไปได้ในกรณีที่ความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นกว่าที่ ธปท. ได้ประเมินไว้ ดังนั้น เราจะติดตามการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจของ ธปท. อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสิ่งนี้จะชี้นำได้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกหรือไม่ (โดยจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจใหม่ในการประชุมกนง.ในวันที่ 25 มีนาคม)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี