เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 นายวิรไทสันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด ซึ่งขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง โดยจะมีการทบทวนสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)อีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนมีนาคม 2563 คาดว่าจะมีการปรับประมาณการตัวเลขจีดีพี ปี2563 ลง จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ประเมินไว้ในช่วงเดือนธันวาคม 2562 ก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19
ในวันเดียวกัน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC จัดทำบทวิเคราะห์ โดยปรับลคาดการณ์ GDPปีนี้เหลือโต 1.8% จากเดิม 2.1% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) มีแนวโน้มรุนแรงและน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดไว้เดิมผ่านการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังอาจส่งผลต่อการลดลงของการเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยของคนไทยอีกด้วย
“ความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยที่มีมากขึ้น โดยแม้ GDP ในภาพรวมจะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค แต่มีหลายภาคเศรษฐกิจที่สำคัญเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคแล้ว เช่น ภาคการส่งออกสินค้า การลงทุนภาครัฐทั้งในส่วนของการก่อสร้างและเครื่องมือเครื่องจักร และการบริโภคสินค้ายานยนต์ การก่อสร้าง และการเกษตร” EIC ระบุ
พร้อมประเมินว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ไทยช่วงไตรมาส 1/2563 จะชะลอลงอย่างมากจากผลกระทบ COVID-19ในกรณีฐาน คาดว่าสถานการณ์ COVID-19จะใช้เวลาประมาณ 5 เดือนก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติในเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งผลกระทบจะมีมากสุดในช่วงไตรมาสแรกจากมาตรการที่เข้มงวดของทางการจีนในการควบคุมโรคที่ส่งผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวจีนรวมถึงการผลิตและการขนส่งสินค้าของจีนนอกจากนี้ จากความล่าช้าของการอนุมัติงบประมาณยังส่งผลต่อการเบิกจ่ายเม็ดเงินของภาครัฐในช่วงไตรมาสแรกจึงทำให้คาดว่า GDP ไทยไตรมาสแรกจะชะลอลงมากสุดก่อนที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวระยะถัดไป
พร้อมคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องที่ 1.00% ในช่วงที่เหลือของปี 2563 จากขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดขึ้น และอาจหันไปพึ่งมาตรการด้านอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น โดย กนง.ให้ความสำคัญต่อการใช้มาตรการด้านอื่นๆที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และอาจรอประเมินผลกระทบจากมาตรการเหล่านั้นต่อภาคเศรษฐกิจจริงก่อน
EIC ยังปรับประมาณการค่าเงินบาทณ สิ้นปี 2563 มาอยู่ที่ 30-31 บาท/ดอลลาร์ จากเดิมที่ 29.50-30.50 บาท/ดอลลาร์ จากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงมากกว่าที่คาดไว้เดิม และความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโลก ดุลบัญชีเดินสะพัดปรับเกินดุลน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม
ด้าน น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพรผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ประเมินว่าการส่งออก-นำเข้า การขนส่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายหลังท่าเรือ-ด่านศุลกากรจีนกลับมาเปิดทำการตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกไปยังที่สาธารณะและใช้เวลาที่บ้านมากขึ้นส่งผลดีต่อการค้าออนไลน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี