นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) กล่าวภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “พันธมิตรระบบราง
สร้างสรรค์อุตสาหกรรมระบบรางไทย” ว่าการลงนามดังกล่าวเป็นไปสานนโยบายระดับกระทรวงที่จะต่อยอดนโยบาย “Thai First” โดยเป็นการรวบรวมบัญชีนวัตกรรมต่างๆ ตั้งแต่วัสดุอุปกรณ์ และเทคโนโลยี รวมถึงทักษะต่างๆที่คนไทยสามารถดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อให้วางมาตรฐานร่วมกันและนำไปสู่การพัฒนาการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ในประเทศ รวมถึงนำไปสู่การกำหนดจัดซื้อจัดจ้างการผลิตในประเทศต่อไปแต่ก่อนหน้านั้นจะต้องกำหนดมาตรฐานรวมกันได้นั้นก็จะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในระดับงานวิจัย ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายในการวางมาตรฐานเพื่อกำหนดชิ้นส่วนของรถไฟและกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์รถไฟ ภายในประเทศให้ได้ 40% ในปี 2566 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ปัจจุบันไทยสามารถผลิตอุปกรณ์ในระบบส่งกำลัง ระบบเบรก และอุปกรณ์ภายในตัวรถได้แล้ว ซึ่งขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เริ่มสั่งซื้อขบวนรถบรรทุกสินค้าที่ประกอบภายในประเทศแล้วจึงมองว่าจะทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบราง เช่น อุตสาหกรรมเหล็กเติบโตมากขึ้น ส่วนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศก็จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงที่ปัจจุบันมีการใช้งบประมาณ 9,600 ล้านบาทต่อปี รวมถึงในอนาคตคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นถึงกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี และอาจช่วยลดราคาค่าโดยสารของผู้ใช้บริการได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามขร. อยู่ระหว่างการพัฒนา ศึกษา และวิจัย ในการผลิตเครื่องยึดเหนี่ยวราง (Rail Fastener) โดยผู้ประกอบการไทยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน จากนั้นจะทำการทดสอบทุกสภาวะอากาศระยะเวลา 1 ปี หากไม่มีปัญหาคาดว่าจะเริ่มใช้ภายในปี 2566 ทั้งนี้เครื่องยึดเหนี่ยวรางดังกล่าวนำเข้าจากประเทศจีนทั้งหมด
ขณะที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการส่งเสริมการพัฒนาระบุบราง ระหว่างกรมการขนส่งทางราง กับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 15 หน่วยงาน โดยระบุว่า การพัฒนาระบบรางต้องพัฒนาใน 2 ส่วนไปพร้อมกัน ทั้งด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและบุคลากร ซึ่งสถาบันวิจัยต่างๆที่ร่วมลงนามครั้งนี้จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยกันพัฒนาและผลักดันระบบรางให้มีศักยภาพ และเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมรางในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) กล่าวว่า BTSพร้อมให้ความร่วมมือในการนำวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศมาใช้ในรถไฟฟ้า BTS ซึ่งปัจจุบัน BTS ใช้อะไหล่และระบบอาณัติสัญญาณระบบโลกบริษัท บอมบาดิเอร์ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ให้ BTS อยู่ และได้ตั้งโรงงานผลิตระบบเบรกและระบบอาณัติสัญญาณบางส่วนในไทย
ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่ BTS ได้รับสัมปทานเป็นผู้ดำเนินการนั้นในส่วนของระบบสับหลีกรางนั้นบริษัท บอมบาดิเอร์ ก็ได้จ้างให้บริษัทในประเทศไทยเป็นผู้ผลิต ซึ่งจากการใช้อุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศในหลายๆส่วนทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศกว่า 5-10%
ทั้งนี้ ทาง BTS อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท ซีเมนส์ และบริษัทที่ผลิตขบวนตู้รถไฟฟ้าจากประเทศจีน ให้มาประกอบขบวนรถไฟฟ้าในไทย เนื่องจากมองว่าในอนาคตไทยจะมีความต้องการเกี่ยวกับการผลิตของรถไฟฟ้าจำนวนมาก และอนาคตไทยอาจจะเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี