ยุติแล้ว! กทพ.- BEM ลงนามสัญญายุติข้อพิพาททางด่วน พร้อมเร่งถอนฟ้องทุกคดีในแล้วเสร็จก่อน 29 กพ.นี้
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยภายหลังลงนามในสัญญายุติข้อพิพาทสัมปทานทางด่วนระหว่าง กทพ. และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BEM) ว่าตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมาได้มีการเห็นชอบการขยายอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน ซึ่งสัญญาระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A ช่วงรัชดาฯ-พระราม 9 ส่วน B ช่วงพญาไท-บางโคล่ และส่วน C ช่วงแจ้งวัฒนะ-รัชดาฯ จะสิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ. 2563 เพื่อยุติข้อพิพาทและถอนฟ้องทั้งหมด 17 คดี แลกกับการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วน ระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน หรือสัญญาจะสิ้นสุดพร้อมกันในวันที่ 31 ต.ค. 2578 และ BEM จะต้องยกเว้นค่าผ่านทางในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีประกาศเป็นวันหยุดด้วย รวมถึง กทพ.สามารถสร้างทางแข่งขันได้ โดยไม่ถูก BEM ฟ้องร้องได้อีกต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ในการลงนามดังกล่าวเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องกับสัญญาเดิม ซึ่งหากมีการต่อสู้คดียอมรับว่า กทพ.มีโอกาสแพ้คดีสูงได้มีการดำเนินการเจรจาเพื่อไม่ให้ประเทศเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น โดยยืนยันไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนแต่อย่างใด และหลังจากนี้ BEM จะเร่งดำเนินการถอนฟ้องคดีที่มีการฟ้องร้องต่อศาลในวันที่ 21 ก.พ.นี้ และยืนยันว่าจะแล้วเสร้จภายในวันที่ 29 ก.พ.2563 โดยยืนยันว่าสามารถดำเนินการถอนฟ้องได้ทันอย่างแน่นอน เนื่องจากมีการเตรียมการมาเป็นระยะเวลานานแล้วและจะต้องให้ทันกับสัญญาใหม่ที่จะมีผลในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ขณะเดียวกัน กทพ. จะไปศึกษาเพิ่มการคล่องตัวของการจราจรทั้งระบบ รวมถึงการก่อสร้างทางขึ้น-ลงบริเวณสถานีกลางบางซื่อด้วย
รายงานจาก กทพ. ระบุว่า กทพ. ขอชี้แจงกรณีในข้อสงสัยเรื่องการขยายสัญญาสัมปทานโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วนดี) และทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) ซึ่งในการเจรจาดังกล่าวจะทำให้ BEM มีสิทธิ์ต่อสัญญาได้อีก 20 ปี หลังจากที่การต่อสัญญาสิ้นสุดลงหรือไม่นั้น กทพ.ยืนยันว่า BEM จะไม่มีสิทธิ์ต่อสัญญาได้อีก 20 ปี หลังจากที่การต่อสัญญาสิ้นสุดลง เนื่องจากการเจรจาต่อสัญญายุติข้อพิพาทที่ได้รับการอนุมัติโดย ครม. เป็นการนำสิทธิ์การเจรจาเพื่อการต่อสัญญา ตามข้อ 21 ของสัญญาเดิมมาใช้ ซึ่งกำหนดให้ BEM สามารถเจรจาต่อสัญญาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี ดังนั้น เมื่อการต่อสัญญาในครั้งนี้ BEM สิ้นสุดลงในวันที่ 31 ต.ค.2578 จะมีสิทธิ์เจรจาต่อสัญญาเฉพาะเวลาส่วนที่เหลือแค่ 4 ปี 4 เดือนเท่านั้น โดยในสัญญามีการระบุไว้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้การเจรจาต่อสัญญายุติข้อพิพาทครั้งนี้ เป็นการนำรายได้เฉพาะที่เป็นส่วนแบ่งของ BEM จากทางด่วนขั้นที่ 1 ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A, B, C ส่วน D และส่วน C+ มารวมกัน แล้วหักลบด้วยรายจ่ายจากการให้บริการทางด่วน (O&M และค่าบริหารจัดการ) ดอกเบี้ย และภาษี ให้เกิดเป็น Net Cash เพื่อนำมาชดเชยมูลหนี้ข้อพิพาท อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์พบว่า ในระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน BEM จะมี Net Cash เป็น Nominal value เท่ากับ 59,600 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าหนี้ข้อพิพาทเป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี