ทล.แจงกรณีสร้างมอเตอร์เวย์สาย M7 เป็นการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อเดินทางจากกรุงเทพฯ และ ปริมณฑลไปสู่พื้นที่ EEC ยันไม่เกี่ยวข้องกับแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือของ ทสภ.
27 กุมภาพันธ์ 2563 นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ทางยกระดับ ช่วงศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (M7) ว่า โครงการดังกล่าวมีเหตุผลความจําเป็นในการก่อสร้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) แต่อย่างใด ตามที่หลายฝ่ายได้มีการตั้งข้อสังเกต
ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ทางยกระดับช่วงศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นแผนงานของกรมทางหลวงตั้งแต่ปี 2557 และวางแผนที่จะดําเนินการอยู่แล้ว เพื่อบรรเทาปัญหา การจราจรหนาแน่น รวมถึงปัจจุบันมีปริมาณจราจรช่วงทางแยกต่างระดับศรีนครินทร์ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกว่า 200,000 คันต่อวัน ซึ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนอยู่ในสภาพใกล้เต็มความจุของถนน โดยผลการสํารวจพบว่า 75% ของผู้ใช้ทางเป็นการเดินทางระยะไกลมุ่งหน้าสู่พื้นที่ภาคตะวันออกซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ ปัญหาจราจรหนาแน่นโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนไม่ได้เกิดจากปริมาณรถเข้า-ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งมีสัดส่วนเพียง 25% เท่านั้น
“มันไม่เป็นความจริงที่การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือของสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสาเหตุที่ทําให้เกิดปัญหารถติดบนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ช่วงศรีนครินทร์-สุวรรณภูมิ จนทําให้ ทล. ต้องลงทุนสร้างโครงการทางยกระดับในแนวเส้นนั้น แต่กระทรวงคมนาคมมีแนวคิดมาตั้งแต่ ปี 2551 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสุวรรณภูมิ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ต่อมาในปี 2552 ได้สรุปผลการศึกษาความเหมาะสมว่าควรสร้างเป็นทางยกระดับคร่อมอยู่บนแนวมอเตอร์เวย์ ในปัจจุบัน และต่อมาในปี 2557 กรมทางหลวงได้นําแนวคิดดังกล่าวมาวิเคราะห์ทบทวนและวางแผนดําเนินการ” นายสราวุธ กล่าว
ทั้งนี้ ในการการพัฒนาโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ทางยกระดับช่วงศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น มีลักษณะเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร คร่อมอยู่บนแนวทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน มีจุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกต่างระดับศรีนครินทร์ เชื่อมต่อโครงข่ายกับทางพิเศษ สายศรีรัช รวมทั้งมีทางเข้า-ออกเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมีจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณ ลาดกระบังรวมระยะทางประมาณ 19 กิโลเมตร
นอกจากนี้ โครงการฯ ดังกล่าว จะเป็นส่วนสําคัญในการเชื่อมต่อโครงข่ายการเดินทางจากกรุงเทพฯ และ ปริมณฑลไปยังเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยปัจจุบันมีอัตราการเติบโตของปริมาณจราจร 4.2% ต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเปิดพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงรองรับปริมาณการเดินทางเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้มีความรวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถคาดการณ์ระยะเวลาการเดินทางได้แน่นอน รองรับ การขยายตัวของปริมาณผู้โดยสาร ซึ่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าจะเพิ่มเป็น 100 ล้านคนในปี 2575
อย่างไรก็ตามสำหรับปัจจุบันปริมาณการเดินทางโดยรถยนต์เข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 112,000 คันต่อวัน โดยเป็นการเดินจากทางทิศเหนือหรือทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สัดส่วน 75% และ จากทางทิศใต้ 25% จึงทำให้แม้ว่าในอนาคตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีการขยายอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติมบริเวณ ตำแหน่งใดก็ตามจะไม่ทําให้แนวโน้มรูปแบบการเดินทางเข้าท่าอากาศยานดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปมากนัก นอกจากนั้นการสํารวจจุดต้นทาง-ปลายทางของการเดินทาง (Origin - Destination Survey) พบว่า แนวโน้มการเดินทางเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนใหญ่ยังคงใช้เส้นทางคมนาคมด้านทิศเหนือ เนื่องจาก กลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ สัดส่วนสูงถึง 55% โดยเฉพาะเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ขณะที่การเดินทางผ่านดังกล่าวเป็นแนวเส้นการเดินทางตรงและมีความสะดวกในการเดินทางเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี