‘บราเดอร์’ยันโควิด-19 ไม่กระทบ ชู 3C’s ปั้มยอดขายตั้งเป้าปี’63 โตไม่ต่ำกว่า5%
28 กุมภาพันธ์ 2563 นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า และ โควิด 19 ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแต่อย่างใด แม้ภาพรวมธุรกิจเครื่องพิมพ์ในไทยยังทรงตัว แต่บริษัทยังสามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตเพิ่มขึ้นหลังปรับรูปแบบกลยุทธ์สะท้อน DNAของแบรนด์ที่มีความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์เพิ่มสีสันไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์ลูกค้าปัจจุบัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 2562 (เม.ย. 62 – มี.ค. 63) บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5% ส่วนปี 2563 บริษัทตั้งเป้าทำยอดขายโตขึ้น 5% ซึ่งถือว่าปีนี้เป็นปีที่ท้าทายจากสถานการณ์หลายปัจจัย แต่ด้วยกลยุทธ์ 3C’s ดังกล่าว มุ่งโฟกัส Customer (ลูกค้า) Channel Partner (ช่องทางการจัดจำหน่าย)ไปจนถึง Company (ตัวองค์กร) จะสามารถผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ได้
ทั้งนี้ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของบราเดอร์กว่า 60% เป็นกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) และกลุ่มลูกค้าองค์กร กลุ่มเครื่องพิมพ์เลเซอร์ยังเป็นสินค้าแฟลกชิป (แหล่งข้อมูลจาก GFK) โดยบราเดอร์ครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ1 ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มโมโนเลเซอร์พรินเตอร์ ปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 38%,กลุ่มโมโนเลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 56% และกลุ่มคัลเลอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ ที่ครองส่วนแบ่งการตลาด 33%
ด้านกลุ่มอิงค์เจทพรินเตอร์ บราเดอร์ยังเกาะกลุ่ม 1 ใน 3 ผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 17% ที่ผ่านมาบราเดอร์ใช้กลยุทธ์ทั้ง “Push & Pull”จนทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และในปีนี้จะเพิ่มสีสรรในการทำตลาดรูปแบบใหม่เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่ง และที่สำคัญในปีนี้บราเดอร์จะใช้งานบริการหลังการขายที่ได้รับการยอมรับอย่างมากถึงคุณภาพมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือเพื่อเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ ด้วย
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563 บราเดอร์ยังคงเดินตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ในช่วง 3ปี ครอบคลุมระหว่างปีงบประมาณ 2562 – 2564 ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นให้แก่กลยุทธ์ ‘3C’ เริ่มจาก Customer (ลูกค้า) เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ที่เติมเต็มความต้องการให้หลากหลายยิ่งขึ้นChannel Partner (ช่องทางการจัดจำหน่าย)
ขณะเดียวกันปีนี้จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนด้วยการสร้างการทำงานภายใต้คอนเซปต์ Brother: the Power of TEAM เป้าหมายเพื่อสร้างทีมที่ปรึกษาให้แก่กลุ่มตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศสร้างโอกาสทางการขายใหม่ๆ ด้วยการส่งทีมผลิตภัณฑ์ ทีมขายทีมสื่อสารการตลาด ทีมเทคนิค และทีมบริการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์บราเดอร์ กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าCompany (ตัวองค์กร) บราเดอร์ จะนำระบบ “Agile”มาใช้ในการทำงานในแต่ละโครงการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานเกิดความยืดหยุ่นและเกิดความรวดเร็วในการสร้างผลงานโดยจะคัดเลือกบุคลากรในแต่ละแผนก เข้ามาระดมความคิดเพื่อกำหนดแนวทางในการเพิ่มศักยภาพ ความคล่องตัวและบริหารการใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นซึ่งระบบดังกล่าวจะใช้ต่อเนื่องไปถึงปี 2564
“การมองว่าทำไมบริษัทยอดขายลดลง เนื่องจากความเป็นจริงแล้วตลาดปริ้นเตอร์ไม่ได้เติบโตมาก แต่สำคัญคือการ ทรานส์ฟอร์ม 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Business transform,Operational Transform และ Talent Transform ด้วยกลยุทธ์ ‘3C’ ซึ่งการเติบโตของบริษัทที่มีถึง 5% ถือว่าดีมากสำหรับตลาดปริ้นเตอร์ และบริษัทพยายามสร้างส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ให้มากขึ้น โดยบริษัทจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ในกลุ่มโรงพยาบาล โรงเรียน และมหาวิทยาลัย และกลุ่มลูกค้า เอสเอ็มอี”
นอกจากนี้ปี 2563 บราเดอร์ยังคงขยายธุรกิจในลาวต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันยอดขายเติบโตมากกว่า 50% โดยปัจจุบันยังสัดส่วนรายได้ของบราเดอร์ในแถบเอเชียแปซิฟิก ประกอบด้วย เวียดนาม,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์,มาเลเซีย,สิงคโปร์ และประเทศไทย ถือว่าไทยมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดราว 42% ของรายได้ทั้งกลุ่ม โดยมีสัดส่วนยอดขายจะมาจาก ปริ้นเตอร์ 85% และ 15% จักรเย็บผ้าและอื่นๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี