nn ผ่านมา 3 เดือนกับการระบาดของไวรัสโควิด-19...ทำลายชีวิตมนุษย์ไปทั่วโลกว่า 5.3 หมื่นคน ณ เวลานี้และไม่รู้จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าใด และเกิดความสูญเสียกับเศรษฐกิจทั่วโลกมากมายมหาศาล จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินว่าตัวเลขจะอยู่ที่จุดไหน...สำหรับประเทศไทยการระบาดของโควิด-19 แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะยังไม่มากนัก แต่ความสูญเสียต่อระบบเศรษฐกิจเบื้องต้นประมาณว่าจะอยู่ที่ระดับ 8 แสนล้าน- 1 ล้านล้านบาท...หรือจีดีพีติดลบ 6-7% (จีดีพีของไทย 16 ล้านล้านบาท)...นอกจากนี้กำลังส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการขับเคลื่อนของสังคมไทยในปัจจุบัน....อันเป็นผลมาจากการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ของรัฐ...
ช่วงแรกของการระบาด (ต้นเดือนมกราคม) ดูเหมือนว่าไทยจะทำได้ดี โดยดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อแค่ 25-30 ราย และกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก (อันนี้เพราะคนไทยเข้าถึงการตรวจวัดหาเชื้อได้น้อย)...ผ่านมาอีกระยะช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม...การระบาดในจีนเข้าสู่ช่วงพีค...การระบาดในยุโรปและอเมริกาเริ่มเร่งตัว รวมทั้งไทยที่เริ่มพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละระดับ 100 ราย...การดำเนินการของไทยเริ่มถูกเรียกร้องถูกตั้งคำถามจากสังคม...เช่น ว่าควรจะใช้มาตรการเข้มงวดแบบจีนหรือแม้แต่ปิดประเทศเพื่อสกัดกั้นระบาดที่กำลังรุนแรง...แต่รัฐบาลไม่ทำซึ่งก็เข้าใจได้ว่าบริบทสังคมของไทยกับจีนนั้นต่างกัน...อันนี้ไม่ว่ากัน...
แต่ที่ต้องตำหนิคือการทำงานที่ไม่สอดประสานกันจนทำให้เกิดปัญหา...ตัวอย่างชัดที่สุดก็ตรงที่ ผู้ว่าฯกทม.ประกาศ“ล็อกดาวน์”กรุงเทพฯ...โดยที่ไม่รอมาตรการบรรเทาผลกระทบจากส่วนกลาง(มาตรการเฟส 2) ทำให้แรงงาน ลูกจ้างสถานประกอบการ..หลายล้านราย แห่กลับต่างจังหวัด หนีการอดตายในกทม.จนทำให้เชื้อกระจายไปทั่วประเทศขณะนี้...
มีหลายเสียงบอกว่า อยากให้ไทยเลือกวิธี“เจ็บแต่จบ”...คือหยุดทุกอย่าง ปิดทุกกิจการ ให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน 24 ชม. 14-21 วัน..เพื่อหยุดการแพร่ระบาด...แต่ในเมื่อบริษัทของสังคมไทยเวลานี้มันทำไม่ได้...ก็ต้องเลือก“ไทยแลนด์ สไตล์”...อยู่มันตรงกลาง ปิดบางส่วน เปิดบางส่วน...แต่เมื่อต้องเลือกทางนี้ก็ต้องใช้ฝีมือ ใช้ข้อมูลที่ถูกต้องในการบริหารจัดการ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดและมีผลกระทบน้อยที่สุด...ยกตัวอย่าง...การรณรงค์ให้ “ทำงานที่บ้าน”...ก็ต้องรู้ว่า 63% ของภาคแรงงานไทย (30 ล้านคน)...ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ บ้างเป็นแรงงานแบบหาเช้ากินค่ำ...เมื่อรัฐจ่ายเงินเดือนให้พวกเขาทุกคนแทนนายจ้างไม่ได้ ช่วงเวลากลางวันพวกเขาก็ต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเลี้ยงครอบครัว
เรื่องปิดสถานบันเทิง ปิดกิจการที่เป็นแหล่งรวมคนและไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอันนี้ถูกต้อง...ส่วนการปิดร้านขายอาหาร ร้านสะดวกซื้อ..เพราะมีคนบางกลุ่มที่ไปรวมตัวกินเหล้า มั่วสุม หน้าร้านสะดวกซื้อ...อันนี้ก็ต้องถามว่า...แล้วคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ไปมั่วสุมหน้าร้านสะดวกซื้อ...แต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องซื้ออาหาร ซื้อยาแก้ไข้ ยาแก้ปวดหัวปวดท้อง ซื้อน้ำดื่ม ฯลฯ ทำไมต้องเดือดร้อนเพราะคนเพียงไม่กี่คนด้วย...ใครออกมามั่วสุม ก็บังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาดไปสิ...ร้านสะดวกซื้อไม่ใช่ต้นเหตุของการมั่วสุม...คนที่ทำผิดต่างหากที่เป็นต้นเหตุ....!! จะจับหนูไม่จำเป็นต้องเผาบ้าน...ก็ได้นี่ครับ....
จะบอกว่าร้านสะดวกซื้อเป็นแหล่งแพร่เชื้อ...อันนี้ก็ต้องถามว่ามีรายงานชัดเจนหรือยังว่ามีการระบาดของเชื้อโดยมีร้านสะดวกซื้อเป็นต้นเหตุ...ที่เห็นมีแต่สนามมวย สถานบันเทิง มิใช่หรือ...และพฤติกรรมของผู้บริโภคในร้านสะดวกซื้อ...เขาก็รีบซื้อรีบไป ไม่ใช่ไปเดินเล่นรับแอร์เหมือนเดินห้างฯสักหน่อย ตอนนี้ที่เห็นก็มีมาตรการป้องกัน ทั้งเว้นระยะห่างรอจ่ายเงิน การสวมใส่หน้ากากของพนักงาน...!! เอาเข้าจริงบริบทของสังคมไทยตอนนี้ ก็มีร้านสะดวกซื้อเป็นที่พึ่งสำคัญของผู้บริโภค ของประชาชนทั่วไป ตอนนี้รู้ไหมว่าเมื่อต้องตกงานเพราะคำสั่งของรัฐ...ลูกจ้างพวกนั้นเขาประคองชีวิตยังไง...พวกเขาทำอาหารถุง อาหารกล่องไปขายกันหน้าร้านสะดวกซื้อ...เพราะมีทั้งไฟฟ้าส่องสว่าง มีปริมาณผู้บริโภค....!!พวกเขามีที่พึ่งอยู่เพียงเท่านี้...ยังจะไปสกัดช่องทางทำกินของเขาอีกหรือ...??? ...อีกเรื่องนะ...เมื่อรัฐเริ่มกระชับมาตรกรให้เข้มงวดขึ้นจนถึงประกาศเคอร์ฟิว (แบบเบา) ตอนนี้และอาจจะไปถึง 24 ชม.พวกหาเช้ากินค่ำที่ไม่มีเงินไปกักตุนอาหาร...พวกเขาจะทำอย่างไร...พวกเขาก็ต้องพึ่งร้านสะดวกซื้อนี่แหละที่พอจะซื้อข้าวถุง 1 กิโลกรัม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2-3 ซองปลากระป๋อง 2-3 กระป๋อง...ฯลฯ ไว้พอประทังชีวิตให้รอดไปหนึ่งวันได้...!!ไม่มีร้านสะดวกซื้อ...พวกเขาจะอยู่อย่างไร????
ก็บอกแล้วไง...เมื่อติดสินใจเลือกแบบ“ไทยแลนด์สไตล์”...ก็ต้องใช้ฝีมือมากหน่อย ไม่ใช่เอาง่ายเข้าว่า...เพราะนั่นมันการทำงานแบบแก้ปัญหาหนึ่งแล้วไปสร้างปัญหาอีกปัญหาหนึ่ง...
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี