ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโซเชียลมีเดีย ทวิตเตอร์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ กรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชูนโยบาย แจกเน็ตฟรี ทำให้ ผู้ที่มีส่วนได้เสีย และอดีต กสทช.ออกมาแสดงความคิดเห็นและตอบโตประเด็นดังกล่าวกันอย่างดุเดือด
น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ อดีตกรรมการในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Supinya Klangnarong เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2563 ระบุว่า ...
ของฟรีไม่มีในโลกจ้า อยู่ที่ใครจ่าย ใครได้ใครเสีย
เงินที่จะมาจ่ายค่าเน็ตเพิ่ม 10GB เป็นเงินของสาธารณะที่ กสทช.นำจากกองทุนฯไปจ่ายให้ค่ายมือถือแทนผู้บริโภคอีกที แต่ยังไม่แน่ใจรายละเอียดเรื่องการวางบิลว่าจะคิดกันอย่างไร ตรวจสอบได้ไหม มีคนถามมาแต่เราตอบไม่ได้ ต้องถามคนใน กสทช.เวลานี้
คงไม่มีใครห้ามนโยบายนี้ได้ เพราะผู้บริโภคก็คิดว่าได้ประโยชน์บ้าง และ ต่อให้ กสทช.มีเกณฑ์การจ่ายเงินให้ค่ายมือถืออย่างโปร่งใสจริง ก็ไม่ได้เป็นนโยบายที่น่าภูมิใจนักในยามนี้ เพราะเอื้อเอกชนทุนใหญ่ เกือบจะเป็นการแจกเงินฟรีให้โอเปอร์ในกรณีถ้าคนกดสิทธิ์ไป ใช้จริงไม่เท่าไหร่ แล้วถ้าโอเปอร์ไม่มีต้นทุนเพิ่ม แต่รับเงินเหมาจ่ายไปแล้วใช่ไหม อย่างไร ใครจะตรวจสอบบิลนั้น กสทช. ต้องอธิบายหลักการจ่ายเงินให้เคลียร์ เพราะใช้เงินสาธารณะจำนวนสูงมาก ในขณะที่เงินก้อนนี้สามารถไปใช้อย่างอื่นได้เป็นประโยชน์มากกว่า ยังไม่นับว่าได้ประเมินไหมว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ลำบากเขาต้องการอะไร
งานที่จะทำให้ กสทช. ภูมิใจได้จริงคือการกำกับเอกชนให้ลดราคาลง ทำให้อินเตอร์เน็ต เหมือนค่าไฟที่เป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน คุ้มครองสิทธิผู้ใช้บริการ มีมาตรการช่วยคนรายได้น้อยที่อาจไม่มีเวลาเล่นเน็ตด้วย แต่เราคงไร้เดียงสาไปที่คิดอะไรแบบนี้ในโลกแห่งความจริง
ซึ่งนี่คงเป็นส่วนหนึ่งของเหตุที่คนใน กสทช.ปัจจุบันเสนอให้ตัดสัดส่วนตัวแทนของผู้บริโภคในการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ ต่อรัฐสภาที่กำลังแก้ร่างกฎหมายอยู่
พูดไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมเสียงของผู้บริโภคจึงน่ารังเกียจขนาดนั้นหรือ ทั้งที่เจตจำนงค์ของ กสทช.คือมาปกป้องผู้บริโภคจากผู้ประกอบการด้วย
ยอมรับว่าตอนเรายังทำงานอยู่ในสัดส่วนโควต้่าตัวแทนผู้บริโภค ซึ่งมักเป็นเสียงข้างน้อย แพ้มติประจำ อาจทำอะไรไม่ได้มากนักจริง แต่ขนาดแพ้มติอยู่แล้ว ยังจะเสนอแก้ พรบ. ไม่ให้มีสัดส่วนตัวแทนผู้บริโภคเลย คือจะให้เงียบสนิท มีแต่กระแสชมอย่างเดียวเลย มันไม่สุดโต่งเกินไปหรืออย่างไร ฝากฝ่ายนิติบัญญัติที่ดูแลกฏหมายนี้ด้วย
ส่วนตัวไม่สามารถสมัครกลับมาเป็น กสทช.ได้อีก แต่ต้องการเห็นกฎหมาย กสทช.ยังมีพื้นที่ให้ตัวแทนผู้บริโภคเข้าไปมีส่วนด้วยในองค์กรตาม กฏหมายใหม่ อย่างน้อยได้ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลกันและกัน ไม่เสียแรงที่องค์กรภาคสังคมเหนื่อยยากในการผลักดันให้เกิด กสทช.มาตั้งแต่เคลื่อนไหวเรื่องการปฏิรูปสื่อหลังเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2535
สื่อมวลชนส่วนหนึ่งจะเชียร์นโยบายนี้ของ #กสทช.ก็ว่าไปเถอะ พอเข้าใจได้ แต่ข้อเท็จจริงของนโยบายนี้ก็ไม่ได้น่าภูมิใจขนาดนั้นหรอก แถมมีข้อมูลต้องเคลียร์ โดยเฉพาะในยามที่ธุรกิจอื่นล้มระเนระนาดและประชาชนทุกข์ยาก เชียร์แล้วก็ขอให้เสนอมุมมองรอบด้านด้วย #เน็ตฟรีมีจริงหรือ
โดยวันนี้ สุภิญญา กลางณรงค์ นักกิจกรรมสังคมด้านสื่อ โพสต์ข้อความระบุว่า ความตั้งใจดี ถ้าบริหารได้ดีตรงจุด โปร่งใส เป็นธรรม สังคมจะได้ประโยชน์มากกว่า กสทช.จะได้ภาคภูมิใจในการเป็นองค์กรกำกับดูแลเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ
จุดแข็งคือมีงบประมาณ มีอำนาจกำกับดูแลเอกชน
จุดอ่อนคือ ใช้งบและอำนาจโดยขาดหลักธรรมาภิบาล
ถ้าให้เน็ตฟรีจริงคือ ภาคเอกชนไม่คิดเงิน คืนกำไรช่วยสังคมยามยาก แต่ถ้าใช้เงินสาธารณะจ่ายให้เอกชนจำนวนมากคงต้องรอบคอบ โปร่งใส และ บริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตรงกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ลำบากมากสุด งานสาธารณสุข การศึกษาเด็กเยาวชน เป็นต้น #โควิด
เรียนท่านเลขาฯ @TakornNBTC เสนอว่าลองสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคดูค่ะว่าส่วนใหญ่ต้องการให้ กสทช.และภาคเอกชนช่วยอะไรในยามนี้ จะได้บริหารงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นธรรมทุกฝ่าย เช่นมีคนบอกว่าช่วงนี้ใช้มือถือโทรหากันบ่อยขึ้น ลดราคา ยืดเวลาจ่ายบิลให้คนที่ลำบากหมุนเงิน
วันเดียวกันพันเอก นที ศุกลรัตน กสทช โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Dr.Natee sukonrat ระบุว่า ...
1.ในภาวะที่เราทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้กับภัยจากไวรัส กสทช. ได้พยายามสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมใจกันปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล คือ #อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
2.เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีเครื่องมือในการที่จะอยู่บ้าน กสทช. ก็ได้ใช้กลไกเท่าที่ทำได้ด้วยการเพิ่มเน็ตให้ประชาชน 10 GB ทุกคนที่ไม่ได้ซื้อเน็ตแบบ unlimited ด้วยการใช้กลไกกองทุน กสทช. เวลาหนึ่งเดือน
3.กสทช. ไม่ได้ดำเนินการโดยไม่มีกรอบ หรือข้อจำกัด เพราะเงินกองทุนที่ไม่ได้ผูกพันการใช้จ่ายมีจำนวนไม่เกิน 3000 ล้านบาท จึงสามารถทำได้เพียงเดือนเดียว ทั้งๆ ที่น่าจะทำด้วยระยะเวลานานกว่านี้
4.ผมคิดว่า กสทช. ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบกิจการด้านโทรคมนาคมเป็นอย่างดี ทั้งๆที่ผู้ประกอบกิจการก็ไม่ได้ต้องการให้ กสทช. ใช้วิธีการแจกเน็ตให้กับประชาชน เนื่องจากเป็นการทำลายกลไกตลาด
5.ผู้ประกอบกิจการเองโดยรวมก็น่าจะต้องเสียหายนับหมื่นล้านจากการนโยบายนี้ เพราะประชาชนที่ใช้โทรศัพท์แบบเติมเงินก็จะไม่มีการเติมเงินในช่วงเวลาดังกล่าวเพราะได้รับแจกจาก กสทช. แล้ว
6.การดำเนินการดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพราะมีราคาตลาดที่ชัดเจน เท่าที่ สนง.กสทช. ได้มีการเจรจาในเบื้องต้น น่าจะมีการจ่ายค่าเน็ตด้วยราคาน้อยกว่า 20% ของราคาปกติในตลาด
7.ผมคิดว่า กสทช. ได้ทำทุกอย่างเพื่อชาติในคราวนี้ทั้งการสนับสนุนเน็ตให้ประชาชนอยู่บ้าน ตัดงบประมาณที่ยังไม่จำเป็นทั้งหมด นำมาสนับสนุนสถานพยาบาลเพื่อต่อสู้กับไวรัสคราวนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี