นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่าได้ร่วมกับกองทัพอากาศ, บริษัทอุตสาหกรรมการบิน หรือทีเอไอ, สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย หรือไทย ซับคอน นำผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มดิจิทัล ซอฟต์แวร์ สมาร์ท อิเล็กทรอนิกส์การบินและโลจิสติกส์ กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หารือแนวทางส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าสู่ตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
นำร่องการจัดซื้อจัดจ้างของทีเอไอที่เป็นหน่วยงานซ่อมบำรุงอากาศยาน ทั้งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ของกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติหน่วยราชการต่างๆ และเครื่องบินเชิงพาณิชย์ของสายการบิน ซึ่งแต่ละปี ทีเอไอ มีมูลค่าการซ่อมบำรุงประมาณ 5,000 ล้านบาท เบื้องต้น ชิ้นส่วนที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยผลิตได้คาดว่า อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท เท่ากับว่าจะช่วยประหยัดการนำเข้า และสร้างรายได้ให้กับเอสเอ็มอีโดยตรง
ภายในเดือนมิถุนายนนี้สสว.จะนำเสนอแนวทางการส่งเสริมเอสเอ็มอีให้เข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ)5 แนวทาง คือ กำหนดโควตาการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะเอสเอ็มอีในท้องถิ่นและกลุ่มไมโคร,การให้แต้มต่อด้านราคา ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะไม่สามารถสู้ราคาได้, กำหนดประเภทสินค้าที่จะส่งเสริม, กำหนดวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างและกำหนดโจทย์การผลิตล่วงหน้า จากนั้นจะเปิดให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีลงทะเบียนในระบบการตัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลาง ตั้งเป้าหมายว่า จะทำทุกขั้นตอนให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ทันกับปีงบประมาณ 2564 ที่จะเริ่มในเดือนตุลาคม 2563
“ต่อไปจะพาเอสเอ็มอีไปดูอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ที่ทำทั้งหมดเพื่อให้เอสเอ็มอีไทยเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท หากเข้าสู่งาน
ภาครัฐได้สัก 10% ก็จะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่เอสเอ็มอีตรงได้ไม่น้อยกว่า 130,000 ล้านบาท ส่วนการกำหนดวงเงินจัดซื้อจัดจ้างเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ประกอบการในประเทศ เห็นควรกำหนดเพดานวงเงินไม่เกิน 5.7 ล้านบาทต่อครั้ง สอดคล้องกับเงื่อนไขภายใต้ข้อตกลงของ องค์การการค้าโลก (WTO)” นายวีระพงศ์กล่าว
พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวว่า ปัจจุบันหน่วยงานราชการมีการซ่อมบำรุงอากาศยาน คิดเป็นมูลค่าหลักพันล้านบาท ส่วนใหญ่ชิ้นส่วนจะนำเข้ามาจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะด้านการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ ที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล การรับรองจากผู้ประกอบเครื่องบิน ซึ่งไทยแม้จะมีผู้ผลิตชิ้นส่วนได้แต่ยังไม่มีหน่วยงานรับรองดังนั้น ภายใน 2 เดือนนี้ทอ.เตรียมตั้งหน่วยรับรองมาตรฐาน Military Aviation Authority:MAA ขึ้นมา จะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถผลิตชิ้นส่วนอากาศยานได้ และทอ. สามารถใช้ในการนำมาซ่อมเครื่องบินหน่วยงานรัฐได้ทั้งหมด
พล.อ.อ.ศิริพล ศิริทรัพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อุตสาหกรรมการบิน หรือทีเอไอ กล่าวว่า หากผู้ประกอบการไทย สามารถเข้าสู่กระบวนการตรวจรับรองได้แล้ว จะเริ่มป้อนให้กับกองทัพอากาศ เพื่อใช้ซ่อมบำรุงเครื่องบิน ซึ่งจะลดการนำเข้าได้ถึง 2,000 ล้านบาทในระยะแรกเชื่อว่า เอสเอ็มอีไทยสามารถผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อากาศยานได้ เช่น เครนยกเครื่องบินเพื่อซ่อม เพลต อุปกรณ์บัลเดิ้ลสายไฟ นอต ระบบเซฟตี้ โดยจะมีหน่วยขึ้นมารับรองมาตรฐานให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่เจ้าของเครื่องบินกำหนด ทำให้เอสเอ็มอีไทยเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้ และหากจะขายในท้องตลาดต้องผ่านหน่วยงานนี้ก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี