‘บินไทย’ยื่นศาลขอถอนชื่อ‘ไพรินทร์’ออกจากบอร์ดฟื้นฟูฯแล้ว
28 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ภายหลังจากที่มีการมอบหมายให้ทนายความ ยื่นคำร้องขอต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มารา 90/2 , 90/3 , 90/4 แล้ว เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำ ฟฟ 10/2563 และนัดไต่สวนการทำแผนฟื้นฟูฯ ในวันที่ 17 สิงหาคม 2563 เวลา 09.00 น.
โดยให้ประกาศคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและวันเวลานัดไต่สวนดังกล่าวในหนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายอย่างน้อย 1 ฉบับ ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ห่างกันไม่เกิน 7 วัน กับให้ส่งสำเนาคำร้องขอแก่เจ้าหนี้ทั้งหลายตามบัญชีรายชื่อเจ้าหนี้และแก่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท หรือนายทะเบียนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง , กรมบังคับคดี และให้ส่งให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และลาดหลักทรัพย์(กลต.) หากเจ้าหนี้ประสงค์คัดค้าน ให้ยื่นคำคัดค้านไม่น้อยกว่า 3 วัน ก่อนถึงวันนัดไต่สวนนัดแรกคือวันที่ 17 สิงหาคม นี้ มิฉะนั้นจะถือว่าไม่คัดค้านนั้น
รายงานข่าว ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา บริษัท การบินไทยฯ ลูกหนี้ ได้ยื่นขอแก้ไขคำร้องขอฟื้นฟูกิจการฯ โดยขอตัดชื่อ “นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร” กรรมการบริหาร บริษัท การบินไทยฯ จากรายชื่อผู้ทำแผนด้วย เนื่องจากนายไพรินทร์ ได้ลาออกจากกรรมการ (บอร์ด) บริษัท โดยศาลมีคำสั่งอนุญาตและให้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไข ไปยังเจ้าหนี้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับรายชื่อผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการฯ ได้มีการเสนอชื่อ บริษัท เอิร์นแอนด์ยัง( EY) ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีและที่ปรึกษาการลงทุน และกรรมการ (บอร์ด) ของการบินไทยฯ ลูกหนี้ เมื่อนายไพรินทร์ ลาออก จึงเหลือกรรมการบอร์ด 5 คน ประกอบด้วย 1.พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานกรรมการบริหารบริษัท การบินไทยฯ 2.นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานกรรมการฯ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) การบินไทย 3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 4.นายบุญทักษ์ หวังเจริญ และ 5.นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์
ส่วนการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการฯ ของลูกหนี้นั้น ได้ระบุว่า การบินไทย ทุนจดทะเบียน 26,989 ล้านบาท หนี้สินรวม 354,494 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 349,636 ล้านบาทซึ่งมีหนี้ที่ต้องชำระวันที่ 21 พฤษภาคม นี้ รวม 10,200 ล้านบาท แต่ลูกหนี้อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้
ส่วนเหตุผลที่ศาลควรพิจารณาให้ฟื้นฟูกิจการฯ เนื่องจาก ธุรกิจการบินไทยมีพื้นฐานดี มีการประกอบธุรกิจมานาน และยังได้รับรางวัลต่อเนื่อง รวมทั้งมีธุรกิจอื่นช่วยสร้างรายได้ Cargo (ระบบโลจิสติกส์ขนส่งสินค้า) , Ground service (การบริการภาคพื้นประจำสนามบิน) , Catering (ระบบการจัดบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม)
ขณะที่ปัญหาหนี้สินนั้น เกิดจากภาพรวมอุตสาหกรรมในและต่างประเทศมีการแข่งขันสูง กับสถานการณ์ของ COVID 19 ที่กระทบธุรกิจการบิน โดยการบินไทยปรับตัวไม่ทันกับสถานการณ์เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายหลายฉบับ หากไม่ได้ฟื้นฟูกิจการฯ จะเสียหายต่อ เจ้าหนี้ , ลูกหนี้ , พนักงานและเศรษฐกิจของประเทศชาติ โดยการบินไทย ลูกหนี้ ยังมีช่องทางสามารถดำเนินฟื้นฟูกิจการฯ ได้ ดังนี้
1.ต้องปรับโครงสร้างหนี้
2.ต้องเปลี่ยนการบริหารจัดการองค์กร ลดต้นทุน
3.ปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางบิน
4.ปรับปรุงหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
5.ปรับปรุงการหารายได้
สำหรับ รายชื่อที่ขอเสนอให้เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการฯ ประกอบด้วย บริษัทเอิร์นแอนด์ยัง( EY) ที่เป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีและที่ปรึกษาการลงทุน กับบอร์ดการบินไทยอีก 6 คน ประกอบด้วย 1.พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานบอร์ด , 2.นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานบอร์ด และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) การบินไทย , 3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค , 4.นายบุญทักษ์ หวังเจริญ , 5.นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร (ลาออกแล้ว), 6.นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ โดยส่วนของบอร์ดคือ นายพีระพันธุ์ , นายบุญทักษ์ , นายไพรินทร์ , นายปิยสวัสดิ์ นั้นเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการการบินไทย เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการยื่นคำร้องของบริษัท การบินไทยดังกล่าว ระบุว่า เป็นการยื่นคำร้องโดยสุจริต
ทั้งนี้ ขั้นตอนการขอฟื้นฟูกิจการฯ ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก เพจ "สื่อศาล" ของกองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม เคยลงบทความเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการฟื้นฟูกิจการภายหลังศาลล้มละลายกลางรับคําร้องขอฟื้นฟูกิจการ ที่เขียนโดย ดร.กนก จุลมนต์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกาเเผนกคดีล้มละลายว่า เมื่อมีผู้ร้องขอซึ่งอาจเป็นลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว การพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องเป็นเรื่อง หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามีรายละเอียดครบถ้วนศาลและมีคำสั่งรับคำขอ ผลของการที่ศาลรับคำขอที่สำคัญที่สุด คือจะก่อให้เกิดสภาวะพักการชําระหนี้ (automatic stay) ตามมาตรา 90/12 ทันที และในทางปฏิบัติ เมื่อศาลล้มละลายกลาง รับคําร้องขอแล้วจะนัดไต่สวนประมาณ 1 – 2 เดือนนับแต่วันรับคําร้องขอ ขึ้นอยู่กับจํานวนเจ้าหนี้และภูมิลําเนาของเจ้าหนี้ เนื่องจากก่อนเริ่มกระบวนการไต่สวนคําร้องขอ การส่งสําเนาคําร้องขอแก่เจ้าหนี้ทุกรายต้องชอบด้วยกฎหมาย มิฉะนั้นต้องเลื่อนการไต่สวน ปัจจัยสําคัญที่สุดที่จะช่วยย่นระยะเวลาในการนัดไต่สวนคําร้องขอคือ รายชื่อและที่อยู่ของเจ้าหนี้ที่ชัดเจน และเป็นปัจจุบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี