เมื่อวันที่28พฤษภาคม2563นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้หารือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) สภาอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) อุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ ถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการหารือได้รับการยืนยันจากผู้ประกอบการกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ พานาโซนิค มิตซูบิชิ โตชิบา จะขยายการลงทุนในไทยต่อไป แต่จะเน้นการลงทุนมูลค่าสูงสมาร์ทเทคโนโลยีเป็นหลัก ตามเทรนด์การลงทุนของโลก ส่วนการย้ายการลงทุนของบางบริษัทนั้นเป็นเทคโนโลยีทั่วไป และจากตัวเลขกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)พบว่า ไตรมาสแรก(มกราคม-มีนาคม2563) อุตสาหกรรมนี้มีการเปิดโรงงาน 33 แห่ง จ้างงาน 25,000 คน ปิดโรงงานเพียง 3 แห่ง เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเปิดโรงงาน 30 แห่ง จ้างงาน 7,500 คน และปิดโรงงาน 10 แห่ง
ทั้งนี้ผู้ประกอบการยังเสนอให้รัฐบาลกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ อาทิ โครงการชิมช้อปใช้ เพื่อกระตุ้นยอดขายของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยกระทรวงฯจะหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้ง และเสนอให้จัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน รูปแบบคล้ายกองทุนในประเทศจีน เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ในการขยายลงทุน ที่อาจติดขัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เบื้องต้นเอกชนเสนอให้กองทุนมีวงเงินเริ่มต้น 5,000 ล้านบาท และอาจใช้เงินตั้งต้นจากงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 400,000 ล้านบาท ของพ.ร.ก.เงินกู้ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะหารือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ถึงแนวทางความเป็นไปได้ว่าสามารถใช้งบประมาณดังกล่างได้หรือไม่ เพราะสศช.กำหนดให้แต่ละหน่วยงานเสนอโครงการฟื้นฟูฯภายในวันที่ 5 มิถุนายน2563 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอนุมัติโครงการเดือนกรกฎาคม
"นอกจากกองทุนฯที่จะพิจารณาความเป็นไป กระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 10,000 ล้านบาท มั่นใจจะช่วยเพิ่มมูลค่าเสร็จทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แรงงาน เกษตรกร ชุมชน ได้รับประโยชน์ รวมกว่า 12 ล้านคน"นายสุริยะกล่าว
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ยอดคำขอส่งเสริมการลงทุนกลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ช่วง 5 เดือน(มกราคม-พฤษภาคม2563) มีจำนวน 62 ราย มูลค่า 26,700 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีคำขอลงทุน 50 ราย มูลค่า 27,400 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ อาทิ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี สหรัฐอเมริกา โดยการลงทุนของอุตสาหกรรมนี้ปัจจุบันมุ่งเทคโนโลยีขั้นสูงตามเทรนด์โลก
“ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่ยังยืนยันยึดไทยเป็นฐานการผลิตและมีแนวโน้มที่จะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ด้านผู้บริหารกลุ่มพานาโซนิค ยืนยันว่าการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนาม นั้น ไม่ได้มีผลเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อมั่นการลงทุนในไทย เนื่องจากพานาโซนิค เปิดโรงงานในไทยทั้งสิ้น 20 โรงงาน และย้ายฐานการลงทุนไปเพียง 2 แห่ง ซึ่งเป็นกลุ่มกิจการที่มีเทคโนโลยีแบบเก่าไม่ได้ใช้งานในประเทศไทยแล้ว”นายโชคดีกล่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานส.อ.ท. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูหลังโควิด-19 กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับนักลงทุนต่างชาติ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป จีน ได้รับข่าวดีว่าไทยเป็นประเทศที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยเฉพาะการลงทุนที่มีฐานการผลิตอยู่ในจีน และจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักลงทุนมีความสนใจย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทยมากขึ้น จึงขึ้นกับความพร้อมของไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนในการดึงการลงทุนครั้งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี