คณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.)ครั้งที่ 3/2563 ประชุมเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2563 ที่ อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โดยมี นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เป็นประธาน โดยได้รับทราบและพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19 ในไทยและต่างประเทศปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนในระยะต่างๆ ดังนั้น เพื่อรองรับบุคลากรภาคธุรกิจในพื้นที่ อีอีซี ในช่วงระยะการฟื้นตัวของประเทศ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) จึงมีแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับ กระทรวงการต่างประเทศสร้างภาคีเครือข่ายระหว่างองค์กร บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศต้นทางกับสถานเอกอัครราชทูตไทย หรือสถานกงสุลใหญ่ จัดให้มีการตรวจและออกใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางมีสุขภาพเหมาะสมกับการเดินทางทางอากาศ (Fit to Fly)
พร้อมทั้งหารือกับกระทรวงสาธารณสุข พิจารณากำหนดประเทศต้นทาง และจำนวนบุคลากรที่จะอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศในแต่ละช่วงเวลาการกำหนดมาตรการกักกัน FlexibleAlternative Quarantine ให้ผู้เดินทางเข้าประเทศสามารถทำภารกิจที่จำเป็นได้ และร่วมกันพิจารณาขึ้นทะเบียน สถานกักตัวทางเลือก Alternative State Quarantineเพิ่มเติมในพื้นที่ อีอีซี ที่บุคลากรในโรงพยาบาลเอกชนสามารถสื่อสารภาษากับประเทศต้นทางได้ เพื่ออำนวยความสะดวกยิ่งขึ้น
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบค่อนข้างมาก ยอมรับการลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างประเทศปีนี้คงจะไม่ลื่นไหล ซึ่งมองว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวภายหลังจากมีวัคซีน ขณะที่กลุ่มการบินมองว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ปกติเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 อีกครั้งคือช่วงปลายปี 2564 แต่ตัวเลขคงต้องรอจากทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อีกครั้ง แต่เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเป็นเป้าหมายของนักลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี โดยจะหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยกลุ่มบุคลากรภาคธุรกิจในพื้นที่อีอีซี จากประเทศญี่ปุ่น อาทิ หอการค้าประเทศญี่ปุ่น ( JCC) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ภาคธุรกิจจากสาธารณรัฐเกาหลี และประเทศอื่นที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมได้ยื่นหนังสือถึงภาครัฐ ขอให้ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ รวมถึงการส่งช่างเทคนิคเข้ามาตรวจสอบซ่อมบำรุงเครื่องจักรในอุตสาหกรรม และเพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการลงทุนของอีอีซีทั้งหมด5 โครงการนั้น ซึ่งมี 2 โครงการ ที่ลงนามแล้ว ประกอบด้วย 1.รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 2.ท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน จะลงนามกับกลุ่ม BBS วันที่ 19 มิถุนายนนี้ขณะที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดอยู่ระหว่างการพิจารณา และด้านศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) เชื่อว่าจะล่าช้าไปกว่าแผนที่วางไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี