เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) คนใหม่ คนที่ 10 เปิดเผยว่า ปตท.เตรียมแผนบริหารความเสี่ยงหลายระดับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเบื้องต้นได้ขออนุมัติออกหุ้นกู้และตั๋วแลกเงิน 64,000 ล้านบาท ผ่านความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นแล้ว และสามารถนำเงินมาเยียวยาสถานการณ์ได้ทันที จากกรอบวงเงินทั้งสิ้น 150,000 ล้านบาทสำหรับรองรับสถานการณ์หากเข้าขั้นวิกฤตมากขึ้น ทั้งยังจัดลำดับความสำคัญในการลงทุน โดยยืนยันโครงการที่ผ่านการอนุมัติแล้วจะเดินหน้าต่อทุกโครงการ ส่วนโครงการที่ยังไม่ได้อนุมัติจะจัดลำดับความสำคัญอีกครั้ง
ทั้งนี้ โครงการที่ยังไม่ได้อนุมัติอาจไม่ได้ตัดทิ้ง แต่เลื่อนไปลงทุนในช่วงถัดไป ซึ่งจะคำนึงถึงอัตรากำไรที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นโอกาสทบทวนการลงทุนอีกครั้ง โดยคาดจะลดการลงทุนลง 10-15% ซึ่งเดิมปีนี้กลุ่ม ปตท. มีกรอบการลงทุนอยู่ที่ 250,000 ล้านบาท แต่เมื่อหลังจากการประเมินแล้ว เป็นการปรับลดในบริษัท ปตท.ประมาณ 15,000 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 69,000 ล้านบาท
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกขณะนี้มองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่โควิด-19 มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ประกอบกับเกิดภาวะสงครามราคาน้ำมันในกลุ่มโอเปกพลัส แต่สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากโควิด-19 กลุ่มโอเปกพลัสสามารถหาข้อยุติในการลดกำลังการผลิตน้ำมันลงได้ ปตท.จึงคาดการณ์ทิศทางน้ำมันปีนี้ทั้งปีเเคลื่อนไหวบวกลบอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
“จากนี้ไปสถานการณ์ราคาน้ำมันคงไม่เลวร้ายเหมือนช่วงที่ผ่านมา เพราะกลุ่มโอเปกพลัสสามารถเจรจาหาข้อตกลงร่วมกันได้แล้ว อีกทั้งโควิด-19 ก็เริ่มคลี่คลายลงแม้ในระยะข้างหน้าจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าโควิด-19 จะกลับมาระบาดรอบสองอีกหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ และเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตาม“นานอรรถพล กล่าว
โดยเบื้องต้นประเมินแนวโน้มปริมาณการใช้เชื้อเพลิงในประเทศช่วงที่เหลือของปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นหลังรัฐบาลปลดล็อกดาวน์ โดยเฉพาะน้ำมันภาคพื้นที่คนจะใช้รถยนต์ในการเดินทางมากขึ้น แต่จะขยายตัวมากกว่าปีที่ผ่านมาหรือไม่ต้องติดตามประเมินภาพรวมอีกครั้ง เพราะความต้องการใช้น้ำมันภาคพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงความต้องการใช้ที่จำกัดเฉพาะกำลังซื้อในประเทศเท่านั้น แต่ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก ดังนั้นหากยังไม่มีการเปิดเส้นทางการบินสำหรับเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศ ก็คงยังไม่มีความต้องการใช้เชื้อเพลิงในภาคส่วนต่างๆ จากการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
"ความต้องการใช้น้ำมันในส่วนของเครื่องบิน 3 เดือนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบแล้วกว่า 90% ทำให้ภาพรวมทั้งปีน่าจะลดลง 80% ของรายได้ที่จำหน่ายให้เครื่องบินและเรือประมาณ 20 ประเทศ 1.4 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้ที่คาดติดลบแน่นอนตามที่หลายหน่วยงานพยากรณ์ไว้"นายอรรถพล กล่าว
ส่วนของความคืบหน้าการชำระหนี้ของการบินไทยนั้น ขณะนี้การบินไทยมีหนี้น้ำมันค้างชำระอยู่กับ ปตท. 760 ล้านบาท ซึ่ง ปตท. นับเป็นเจ้าหนี้การค้าชั้นดีเพราะมีความจำเป็นในการดำเนินธุรกิจของการบินไทย อีกทั้งปัจจุบันการบินไทยยังเปิดเส้นทางการบินในเที่ยวบินที่จำเป็น ดังนั้น ปตท.จึงยังส่งน้ำมันให้การบินไทยตามความต้องการใช้เท่าที่ที่จำเป็นและให้ชำระค่าน้ำมันเป็นเงินสดตั้งแต่เริ่มเข่าแผนฟื้นฟู จากเดิมที่ให้เครดิต 30 วัน ยืนยันไม่มีการงดส่งมอบน้ำมันตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้
นายอรรถพล กล่าวว่า ในการดำเนินธุรกิจปี 2563 ว่าทั่วโลกและไทยต้องเผชิญความท้าทายจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สถานการณ์ราคาน้ำมันผันผวน ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ธุรกิจพฤติกรรมผู้บริโภคสู่บริบทใหม่ ปตท.จึงต้องรักษาความเข้มแข็งของธุรกิจหลักและสร้างธุรกิจใหม่แทนการเติบโตรูปแบบเดิมรองรับวิกฤตและความต้องการของผู้บริโภคด้วยกลยุทธ์ PTT by PTT คือ Powering Thailand’s Transformation
โดยประกอบด้วย การสร้างพันธมิตรและพัฒนาธุรกิจ(Partnership and Platform) ทั้งดึงดูดพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศควบคู่กับการสร้างความร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจ เอกชน ผู้ประกอบการไทย และเอสเอ็มอี การพัฒนาเทคโนโลยีที่ผสมผสานความรู้ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม ดิจิตอลในทุกมิติ(Technology for All) การสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในการเนินธุรกิจ (Transparency and Sustainability)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี