nn สรุปว่าปีนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกพังเสียหายเป็นวงกว้าง เพราะการระบาดของ COVID-19 ธนาคารโลกประเมินว่า ปีนี้เศรษฐกิจโลกจะติดลบ 5% เลวร้ายที่สุดในรอบ 150 ปีและแม้ว่าหลายประเทศจะพยายามออกมาตรการต่างๆเพื่อมาเยียวยาแต่ก็ยังไม่เพียงพอ และจะมีประชากรโลกประมาณ 100 ล้านคน กลายเป็นคนยากจน ไม่ใช่ยากจนธรรมดาแต่จะยากจนแบบสุดขีดด้วย
ขณะเดียวกันก็มีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่ประเมินว่า ความเสียหายจาก COVID-19 ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างในหลายมิติ และลามไปทั่วทุกภูมิภาคของโลกหากสถานการณ์เข้าขั้นเลวร้ายที่สุด คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกอาจจะติดลบถึง 8-9%
ประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นของโลกล้วนติดลบทั้งสิ้น เช่น สหรัฐอเมริกา ติดลบ 6.1% กลุ่มยูโรโซนติดลบ 9.1% ญี่ปุ่นติดลบ 6.1% บราซิลติดลบ 8% เม็กซิโก ติดลบ 7.5% และอินเดียติดลบ 3.2% และทั้งโลกนี้ดูเหมือนจะมีเพียงประเทศจีนเท่านั้นที่เศรษฐกิจไม่ติดลบ แต่ก็จะขยายตัวได้เพียง 1% เท่านั้น อย่างไรก็ต้องบอกว่าตัวเลขอัตราการขยายตัวเพียง 1% ถือว่าเป็นภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระทบกับการฟื้นตัวของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะชาติที่พึ่งพาการส่งออก
แน่นอนว่าประเทศไทยได้รับกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกแบบนี้แน่นอน ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกถึง 65% เมื่อประเทศคู่ค้าของไทยเกือบทั้งหมดเศรษฐกิจตกต่ำ แม้ว่าจีนประเทศคู่ค้าสำคัญ (20%) ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด จะไม่ติดลบแต่ก็ไม่ได้ขยายตัวเหมือนเดิมซ้ำยังมีปัญหาเรื่องสงครามการค้ากับสหรัฐ ผู้ส่งออกไทย ในกลุ่มซัพพลายเชน ก็โดนไปด้วย นอกจากนั้นการท่องเที่ยวของไทย ที่เป็นอีกเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (20% ของ จีดีพี) ก็พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก (10 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคน/ปี) ในภาวะแบบนี้การท่องเที่ยวไทยจะรอดจากวิกฤตินี้ไปได้ไงด้วยเงื่อนไขแบบนี้ นักวิชาการทางด้านเศรษฐกิจ จึงประเมินกันว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบประมาณ 8-9%
หากดูตัวเลขการติดลบของเศรษฐกิจไทย หลายคนอาจจะตกใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะล้มระเนระนาดเหมือนกับวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 หรือไม่...ก็ต้องบอกปีนี้จะยังไม่เห็นภาพนั้น...เพราะว่าไทยมีเวลาอย่างน้อยอีก 6 เดือนที่เหลือของปีนี้...ก็เพราะว่าตอนนี้ไทยมีมาตรการพักชำระหนี้ ทั้งหนี้ภาคครัวเรือน หนี้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME…
ดังนั้นหากว่าเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้...ที่จะมาใช้ทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก 4 แสนล้านบาท...โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับ SME 5 แสนล้าบาท...และ โครงการพยุงหุ้นกู้เอกชน (BSF) 4 แสนล้านบาท....ไม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพภายในเวลา 6 เดือนที่เหลือนี้....ปี 2564 หากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว และการระบาดของ COVID-19 ยังไม่ยุติหรือคลี่คลายลง...เราจะได้เห็นอะไรๆที่มันเลวร้ายกว่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งเยอะเลย
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี