เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 นายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมามอบนโยบาย“พลังงานสร้างชาติ” พร้อมหารือเพื่อเตรียมแผนงานด้านพลังงานในการลดค่าครองชีพ และสร้างรายได้ให้กับประชาชนหลังสถานการณ์เชื้อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย กับผู้บริหารกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายสมคิดกล่าวว่า ภาวะที่ประชาชนทั้งประเทศลำบากอยู่ในปัจจุบัน จึงต้องการให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดมาตรการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนโดยขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้โดยเฉพาะระยะสั้นภายในปี 2563 ที่เตรียมแนวทางเพื่อการลงทุนไว้ราว 203,770 ล้านบาท และหากรวม 3 ปี (ปี2563-2565 ) รวมกว่า 1.1 ล้านล้านบาท
“กระทรวงพลังงาน ต้องเร่งรัดเพื่อให้คนไทยก้าวข้ามปีนี้ไปให้ได้ ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากจะต้องทำอย่างไรให้เศรษฐกิจหมุนและเกิดการจ้างงานและให้เน้นเกษตรให้มากขึ้นเพื่อเป็นฐานต่อไปในปีหน้า”นายสมคิดกล่าว
ขณะที่ทางบมจ.ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่จะไปตรวจเยี่ยมก็เห็นว่าทั้ง2 หน่วยงานงบลงทุนปีนี้ต้องไม่พลาดเป้าและงบปี’64 ขอให้มาเร่งรัดลงทุนในปีนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจเนื่องจากครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไม่ดีนักทำอย่างไรจะให้มีการจ้างนักศึกษาจบใหม่
ทั้งนี้ได้ให้ร่วมกันศึกษาทั้ง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) กระทรวงพลังงาน ปตท.และกฟผ.ถึงความเป็นไปได้ที่จะลดราคาพลังงานลงมาอีกโดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) และแอลพีจีไม่ใช่แค่ตรึงราคารวมถึงร่วมกับกองทุนหมู่บ้านที่จะพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อการเกษตร เป็นต้น
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ให้มีการยื่นเสนอโครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศวงเงิน 4 แสนล้านบาท จึงเห็นว่าทั้งปตท.และกฟผ.เองก็สามารถยื่นขอได้หากเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฐานรากซึ่งเบื้องต้นกระทรวงพลังงานเองก็ได้เสนอยื่นของบดังกล่าววงเงิน 1,000 ล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า แผนพลังงานสร้างชาติจะดำเนินการ 3 ด้านในช่วงปี 2563-2565 คือ 1. ลดรายจ่ายแก่ประชาชนช่วงโควิด-19 รวมกว่า 40,500 ล้านบาท ผ่านมาตรการช่วยเหลือสำคัญ อาทิ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและภาคธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากการนำเข้า Spot LNG การยกเว้นเก็บอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ (Minimum charge) ถึง กันยายน 2563 ฯลฯ
2. เร่งรัดการลงทุนด้านพลังงาน รวมกว่า 2.03 แสนล้านบาท ในปี 2563 และอีก 4.57 แสนล้านบาท ในปี 2564 และ 4.50 แสนล้านบาท ในปี 2565 (รวม 3 ปี 1.11 ล้านล้านบาท) โดยคาดว่าปีนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 10,000 คน การลงทุน อาทิเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ เริ่มดำเนินการ LNG Hub เริ่มการลงทุนพัฒนา Grid Modernization การรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม ฯลฯ
3. กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูหลังโควิด-19 รวมกว่า 30,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการจ้างงานกว่า 8,000 คนโดย กฟผ. จะกระตุ้นให้เกิดการค้าผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนโรงไฟฟ้า และท่องเที่ยวเขื่อนทั่วไทย
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 30 มิถุนายนนี้จะมีวาระการเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP-ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) ที่จะมีการบรรจุโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานเอาไว้ในแผนดังกล่าวดังนั้นเมื่อผ่านครม.แล้วกระทรวงได้มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ดำเนินการเปิดรับซื้อไฟฟ้าในโครงการดังกล่าวทันทีในระยะเร่งด่วน (ควิกวิน) 100 เมกะวัตต์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 คัดเลือกเอกชนได้กลางสิงหาคมนี้ และจะลงนามได้ภายในพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนและสร้างรายได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในระยะแรก ปี 2563-2565 ลงทุนประมาณ 4.1 หมื่นล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี