นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยประจำเดือนมิถุนายน 2563 พบว่า ดัชนีปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 31.5 ขยับขึ้นมาจากเดือนพฤษภาคมที่อยู่ที่ระดับ 31.3 และเดือนเมษายน 2563 ที่ระดับ 32.1 ถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าค่าดัชนีจะยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงเนื่องจากค่าดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่า 33
หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงสะท้อนได้ว่าความเชื่อมั่นยังไม่ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ หากรัฐบาลเร่งกระตุ้นและอัดฉีดเม็ดเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งหากกระตุ้น 1 แสนล้านบาท ภายในเดือนสิงหาคม 2563 นี้ จะดันผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ให้ขยับขึ้นได้ร้อยละ 0.3-0.5 และหากเดือนกันยายนอัดฉีดเพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท จะช่วยพยุง GDP ได้ร้อยละ 0.7-1 ประกอบกับการเบิกจ่ายงบประมาณ 2563 มากระตุ้นไตรมาส 3 และงบประมาณรายจ่ายปี 2564 ช่วงไตรมาส 4 จะทำให้ GDP ไทยติดลบน้อยลงจากเดิม คาดการณ์ว่า จะติดลบร้อยละ 8-10 ขยับมาเป็นติดลบร้อยละ 5-6 ได้
“หากรัฐบาลไม่สามารถผ่อนคลายสภาพคล่อง โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จากการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินให้กับผู้ประกอบการได้ ในช่วงไตรมาสที่ 4 อาจจะเกิดปัญหาการปลดคนงานเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีการลดชั่วโมงการทำงานลง เนื่องจากการส่งออกที่ทรุดตัวลงและการใช้จ่ายในประเทศชะลอตัว รวมถึงการกลับมาของปัญหาหนี้นอกระบบเพราะผู้ประกอบการไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงพอในการกู้ในระบบอีกต่อไป”นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้สั่งการช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาปัญหาโควิด-19 เพิ่มเติม
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการออกมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและลดภาระให้กับภาคเอกชน ประชาชน ทั้งนี้มาตรการเพิ่มเติ่มเตรียมเสนอครม.เศรษฐกิจวันศุกร์ที่10 กรกฎาคมนี้
ด้านนายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่าความคืบหน้าการเสนอขอจัดสรรเงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั้น ทาง ทช. ได้มีการเสนอขอจัดสรรงบประมาณเพื่อมาดำเนินการ 3 ส่วนหลักคือ 1.โครงการนำยางพารามาใช้ในงานก่อสร้างและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เช่น การนำ Rubber Fender Barriers(แบริเออร์คอนกรีตหุ้มยางพารา) มาใช้เพื่อลดโอกาสการชนกันของรถยนต์ 2,376 ล้านบาท และเสาหลักนำทางยางพารา วงเงินงบประมาณ 1,402 ล้านบาท
2.โครงการเส้นทางถนนเลียบชายฝั่งภาคใต้ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว หรือไทยแลนด์ริเวียร่า วงเงินงบประมาณ 14,000 ล้านบาท และ 3.โครงการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในถนนทางหลวงชนบท วงเงินงบประมาณ 4,564 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ 925 สายทาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี