“บิ๊กตู่” หนุนบอร์ดฯ ดีอี เร่งดันนโยบายอวกาศแห่งชาติและสายสื่อสารลงดิน สร้างภาพลักษณ์กระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล
13 กรกฎาคม 2563 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2563 กล่าวว่า จากการที่งานของคณะกรรมการดิจิทัลฯ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก จึงขอให้ทุกหน่วยให้การร่วมมือสนับสนุนในการผลักดันให้เกิดขึ้น ประกอบกับความเหลื่อมล้ำเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญของไทยและหลายประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตามควรทำให้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมีความสำคัญมากในปัจจุบัน ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารอย่างไม่สะดุด จะช่วยให้เพิ่มการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ และยังสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ และสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศคือการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของประเทศอีกทางหนึ่ง ภาพลักษณ์จึงถือเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า ได้สนับสนุนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้มีความพร้อมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ในระดับรัฐเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์ พ.ศ...
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการลงทุนจากผู้ประกอบการทั้งคนไทยและต่างชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจอย่างเป็นระบบและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน
ขณะเดียวกันคณะกรรมการดีอี ยังสนับสนุนตามที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอเส้นทางการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในเส้นทางที่การไฟฟ้านครหลวงไม่มีการรื้อถอนเสาไฟฟ้าและไม่มีสภาพบังคับ จำนวน 12 เส้นทางรวมระยะทาง 48.7 กิโลเมตร
นอกจากนี้ผลการดำเนินการดำเนินงานของกระทรวงฯ ที่ผ่านมา จะเห็นว่าผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ IMD ของสถาบัน IMD World Competitiveness Center ในภาพรวมประจำปี 2563 ประเทศไทยถูกจัดอยู่ที่ 29 จาก 63 ประเทศ เป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย สอดคล้องกับปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานที่วิเคราะห์ผลการจัดอันดับจากกลุ่มปัจจัยย่อยด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีปี 2563 ซึ่งไทยอยู่ที่ 34 จาก 63 ประเทศ ปรับตัวดีขึ้น 4 อันดับ จากปี 2562 โดยตัวชี้วัดที่มีอันดับโดดเด่น คือ ตัวชี้วัดผู้ลงทะเบียนใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
สำหรับโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ซึ่งมีความคืบหน้ามีหน่วยงานที่ส่งใบคำขอใช้บริการ GDCC จำนวนทั้งหมด 8,820 VM ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 โดยจะต้องโอนย้ายหน่วยงานทั้งหมดที่ใช้งานอยู่บน G-Cloud เดิมของ สพร. มาใช้งานต่อบนระบบ GDCC จำนวน 2,930 VM ให้เสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 นี้
ขณะเดียวกันกระทรวงดีอีกำลังพัฒนาและเปิดตัวเว็บไซต์ www.bigdata.go.th เพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรภาครัฐ และประชาชนทั่วไปเรื่องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่
นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กระทรวงดิจิทัลฯ ได้สนับสนุนภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการจัดทำพัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ, ไทยชนะ, AOT Airport, Card2U, อาสาสมัครดิจิทัล และกองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ ได้เปิดให้ยื่นข้อเสนอโครงการสนันสนุน เยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 วงเงิน 1 พันล้านบาท ซึ่งได้อนุมัติจำนวน 42 โครงการ
พลเอกประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมสนับสนุนและขับเคลื่อนนโยบายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ประเทศไทยสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ ให้เหมือนกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลฯ และหน่วยงานต่าง ๆ ได้นำข้อมูลสารสนเทศ และแพลตฟอร์มไทยชนะ มาใช้ในการติดตามป้องกันโรค ทำให้ปัจจุบันไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ หากเทียบกับอีกหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทยทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี