เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร สัมมนา “ทิศทางพลังงานประเทศไทยหลังวิกฤติโควิด-19” นายกุลิศสมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า กระทรวงพลังงานอยู่ติดตามสถานการณ์การใช้พลังงานของประเทศ เพื่อประกอบการตัดสินใจต่อแผนพลังงานในด้านต่างๆ ว่าจะขยับหรือเลื่อนออกไปหรือไม่ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้ยอดการใช้พลังงานทั่วโลกลดลงต่ำสุดในรอบ 70 ปี ทั้งปริมาณการใช้น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ในประเทศดีขึ้นทำให้ปริมาณการใช้พลังงานกลับมาเติบโตอีกครั้ง แต่สถานการณ์ในต่างประเทศยังน่าห่วง
และล่าสุดในไทยมีกรณีต่างชาติที่เกิดความเสี่ยง ทำให้ภาพรวมจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจนถึงสิ้นปี หากยังไม่มีวัคซีนควบคุมโควิดก็คงไม่จบง่าย
“อย่างแผนการผลักดันน้ำมัน อี20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานของประเทศ และยกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้นั้นเบื้องต้นต้องเลื่อนออกไปก่อนเป็นไตรมาส 2 ปี 2564 โดยจะขอดูสถานการณ์ช่วงปลายปีอีกครั้ง ส่วนการกำหนดน้ำมัน บี10 เป็นน้ำมันฐานที่เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และให้น้ำมัน บี7 เป็นน้ำมันทางเลือกนั้น ตามแผนจะยกเลิก บี7 ภายในปี 2575 ซึ่งยังอีกนานตอนนี้จึงไม่เปลี่ยนแปลง” นายกุลิศกล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังมีแผนที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการเร่งรัดผ่านโครงการลงทุนต่างๆ มีมูลค่าลงทุนรวม 1.1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะปี 2563 ช่วงที่เหลือของปีนี้จะลงทุน 2 แสนล้านบาท
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. กล่าวว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องจับตาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าจะกลับมาระบาดรอบ 2 ในโลกหรือไม่ หากเกิดขึ้นราคาน้ำมันดิบในโลกก็จะลดลงอีกระลอก และติดตามโอเปกจะตกลงลดกำลังการการผลิตน้ำมันได้มากแค่ไหน หากสำเร็จก็จะประคองราคาน้ำมันให้ทรงตัวอยู่ในระดับ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ถ้ารุนแรงก็จะทำให้เศรษฐโลกถดถอยจะทำให้ราคาน้ำมันลดต่ำลง ซึ่ง ปตท. ประเมินว่าราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังจะวิ่งอยู่ในระดับ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
พร้อมประเมินว่าผลจากโควิด-19 จะทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และแบตเตอรี่รถยนต์จะมาเร็วขึ้น โดยจะเร่งเพิ่มสถานีชาร์จไฟฟ้าในปั้มน้ำมัน ส่วนในระยะสั้น ปตท. จึงได้เร่งปรับตัวเพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้ โดยในระยะสั้นจะต้องเอาตัวให้รอด เช่น เข้าไปดูเรื่องสภาพคล่องและการออกหุ้นกู้ ประสานความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่มอย่างใกล้ชิด
นางสาวนันทิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานกล่าวว่า ตามแผนน้ำมัน หรือออยล์ แพลน 2018 กรมฯ ได้กำหนดทิศทางการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง โดยน้ำมัน บี10 เป็นน้ำมันฐาน และตั้งเป้าหมายยกเลิกบี7 ปี 2575 ขณะที่ อี20 จะเป็นน้ำมันฐานปี 2564 และใช้กลไกกองทุนน้ำมันอุดหนุนส่วนลดราคาประมาณ 3-4 บาทต่อลิตร พร้อมกำหนดราคาแก๊สโซฮอล์ 91 และโซฮอล์ 95 เท่ากัน เพื่อให้ผู้บริโภคเลิกใช้โซฮอล์ 91 ไปโดยปริยาย ขณะที่ อี 85 จะยกเลิกปี 2570 พร้อมตั้งเป้าหมายให้รถที่ใช้แอลพีจีหมดจากระบบปี 2580 ขณะที่รถเอ็นจีวีในปีดังกล่าวจะเหลือแค่ 1.7% เท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี