บอร์ดกสทช.เบรค‘ทรู มูฟ เอช’ขอยื่นให้บริการ MVNO หลังควบรวมเรียล มูฟ
15 กรกฎาคม 2563 แหล่งข่าวระดับสูงจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ อดีตเลขาธิการ กสทช. ได้พ้นจากตำแหน่ง ยังมีวาระการประชุมที่ยังคงค้างที่บอร์ด กสทช.ยังไม่สามารถลงมติได้ โดยเป็นวาระเรื่อง การดำเนินการใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม หลังการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท เรียล มูฟ จำกัด กับ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด
ทั้งนี้ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด (TUC) ได้แจ้งความประสงค์ขออนุญาตให้บริการขายต่อและบริการขายส่งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เสมือนแบบ (Non Facilities Based) หรือ MVNO ภายใต้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง โดยอ้างเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการให้สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง โดยขอให้บริการได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาบริการขายส่งบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาถึงวันที่ 3 กันยายน 2568
อย่างไรก็ตาม ภายหลังรวมธุรกิจซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 เป็นต้นมา ทรูมูฟฯ เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน หรือ MVNOแทน เรียล มูฟ โดยในการประกอบกิจการในส่วนนี้ ทรู มูฟฯ ดำเนินการโดยแยกการประกอบกิจการ การใช้คลื่นความถี่ในส่วนที่เป็นการให้บริการ MVNO ออกจากการใช้คลื่นความถี่ที่บริษัทได้รับการจัดสรรมา โดยการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ MVNO แทน เรียล มูฟ ดำเนินการด้วยการซื้อบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จาก บมจ. กสทฯ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ซึ่งคลื่นความถี่ 850 MHz ทรู มูฟ ไม่ได้รับการจัดสรรมา ดังนั้น ทรู มูฟ ไม่มีสิทธิในการบริหารจัดการคลื่นความถี่ของ บมจ. กสทฯ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และการรวมธุรกิจทำให้ทรัพย์สินและหนีสิ้นทั้งหมด รวมไปถึงสิทธิต่างๆ ของบริษัท เรียล มูฟฯ จะต้องหมดไปด้วย
“สำนักงาน กสทช. ได้ตรวจสอบพบว่า เรียล มูฟ ได้จดทะเบียนยกเลิกบริษัท แล้วตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562 ซึ่ง ทรู มูฟ เลือกที่ไม่ทำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไปยุบบริษัท ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมายแพ่งฯ รวมถึงการขออนุญาตให้บริการ MVNO ขัดกับประกาศ กสทช. หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งใบอนุญาตที่โอนสิทธิเฉพาะตัว ไม่สามารถโอนให้กันได้ ขณะเดียวกัน ทรู มูฟ เป็นผู้ให้บริการแบบมีโครงข่ายเป็นของตัวเอง ไม่สามารถที่จะให้บริการ MVNO ได้ เนื่องจากเป็นการเอาเปรียบผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งวาระนี้บอร์ดยังไม่สามารถพิจารณาได้ จึงให้สำนักงานฯ นำเสนอที่ประชุมบอร์ดอีกครั้ง เพื่อพิจารณาและเห็นชอบต่อไป” แหล่งข่าว กล่าว
ขณะเดียวกันสำนักงาน กสทช.ได้รายงานว่า เลขหมายของผู้ใช้บริการ เรียล มูฟ จำนวน 30 ล้านเลขหมาย ได้โอนย้ายไป TUC โดยทรูฯ อ้างว่า รหัสโครงข่าย (เน็ตเวิรค์โค้ด) ยังเป็น MVNO ซึ่งในอนาคต บมจ.กสทฯ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ MVNO แก่ เรียล มูฟ ในกรณีหากมีการโอนย้ายเลขหมาย โดยไม่ต้องดำเนินการย้ายค่าย ซึ่งผู้ให้บริการสามารถอ้างได้ว่าไม่ได้เป็นการเชื่อมต่อโครงข่าย MVNO ของ บมจ.กสทฯ ดังนั้นรายรับจากการเชื่อมต่อโครงข่าย MVNO จะหายไป และ บมจ.กสทฯ จะเป็นผู้ที่จะเสียผลประโยชน์องค์กรเสียหาย
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ รองผู้อำนวยการด้านรัฐกิจสัมพันธ์ ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า บริษัท ได้ขอให้ กสทช.แก้ไขปรับปรุงระยะเวลาในการอนุญาตของใบอนุญาตการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่งในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ MVNO จากเดิมที่ให้ระยะเวลา 5 ปี ให้ขยายเวลาออกไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญา ซึ่งบริษัท ควบรวมกิจการแต่การให้บริการไม่ได้นำมารวมกัน และวาระดังกล่าวนี้ทำเพื่อให้เป็นมาตรฐานไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม และผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง เนื่องจากมีหลายบริษัท ที่ต้องการควบรวมกิจการ
“เราไม่ได้โอนย้ายลูกค้า MVNO แต่เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการให้สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องและให้มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม ยังมีเน็ตเวิร์คโค้ด สามารถตรวจสอบได้ว่าเราไม่ได้โอน” นายจักรกฤษณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี