ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า สภาวะแวดล้อมที่อ่อนแอต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยจากการระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2563 มีผลกระทบมากขึ้นต่อความสามารถในการทำกำไรของธนาคารพาณิชย์ในช่วงไตรมาสที่ 2/2563 โดยคงต้องยอมรับว่า วัฏจักรเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงสูงในขณะนี้ มีผลกดดันต่อรายได้จากธุรกิจหลักของธนาคารพาณิชย์ และทำให้มีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ ในเกณฑ์ที่สูงกว่าระดับปกติ
พร้อมประเมินว่า ท่ามกลางสัญญาณอ่อนแอของเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้หลายกลุ่ม ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) ของระบบธนาคารพาณิชย์ มีโอกาสขยับขึ้นมาที่ 3.30-3.40% ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 2/2563 จากระดับ 3.05% ในไตรมาส 1/2563 โดยคงต้องติดตามสัญญาณด้อยคุณภาพของสินเชื่อในพอร์ตลูกค้า SMEs และลูกค้ารายย่อยอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้เศรษฐกิจที่ถูกกระทบอย่างหนักในปีนี้ ละยังอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการฟื้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะกลายเป็นสมมติฐานสำคัญที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งใช้ในการวางแผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้และต่อเนื่องในปีหน้า นอกจากนี้ประสบการณ์หนึ่งที่ได้จากทุกวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ก็คือ ปัญหาคุณภาพหนี้มักเป็นตัวแปรตามหลังสภาวะเศรษฐกิจ (Laggard) ดังนั้นแม้สัญญาณเศรษฐกิจอาจเริ่มดีขึ้นบ้างในปีหน้า แต่จะยังคงมีโอกาสเห็น NPLs ในระบบธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1-2 ปีนับจากนี้ และทำให้ธนาคารแต่ละแห่งต้องเตรียมการตั้งสำรองฯ ในระดับสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวย่อมมีผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรสุทธิในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยผลประกอบการว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2563 จำนวน 9,550 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2563 จำนวน 2,175 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานสำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดครึ่งปีแรกปี 2562 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 45,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2,805 ล้านบาท หรือ 6.50% แต่ด้วยการคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบจากความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลงจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ประกอบกับมาตรการของทางการที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ยังคงต้องมีการติดตามดูแลคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด
“ธนาคารและบริษัทย่อยจึงใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss) เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 16,937 ล้านบาท หรือ 111.97% ทำให้กำไรสุทธิสำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2563 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 10,423 ล้านบาท หรือ 52.18% แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 4,142 ล้านบาท หรือ 8.12%”นางสาวขัตติยา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี