สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) แจ้งข่าวว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นเเนล มอเตอร์โชว์ 2020 ณ ห้องประชุมจูปิเตอร์ 8 อาคารชาเลนเจอร์ อิมเเพ็คเมืองทองธานี สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย นำโดย ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ 11 องค์กร ในการร่วมพัฒนาโมเดลการใช้งานสถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามเครือข่าย หรือ Charging Consortium โดยทางสมาคมได้ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ได้เเก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเเห่งประเทศไทย (กฟผ.)การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัทปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) บริษัท อีโวลท์เทคโนโลยี จำกัด บริษัท กริดวิซ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทพลังงานมหานคร จำกัด บริษัท จีแอลทีกรีน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โชเซ่นเอ็นเนอร์จี้ จำกัด เเละบริษัท เดอะฟิฟท์อีลีเม้นท์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเทศไทย และกลุ่มประเทศอาเซียน ที่ในปัจจุบันมีเเนวโน้มการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องดังจะเห็นได้จากสถิติของกรมการขนส่งทางบก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. พ.ศ. 2563) ระบุจำนวนจดทะเบียนรถยานยนต์ไฟฟ้าสะสม BEV จำนวน 4,301 คัน และ HEV/PHEV จำนวน 167,767 คันส่วนสถานีอัดประจุไฟฟ้ามีจำนวนหัวจ่ายไฟฟ้ารวมกว่า 1,854 หัวจ่าย
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ อุปนายกสมาคมฯด้านการส่งเสริมการใช้ เผยว่า ทางสมาคมอยากเห็นผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV) และยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ยี่ห้อต่างๆ หรือ ผู้ที่วางแผนอยากปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษ เกิดความมั่นใจในการเข้าถึงสถานีชาร์จไฟฟ้าที่กระจายตัวอยู่ในที่สาธารณะได้มากขึ้น ภายใต้วัตถุประสงค์ 3 ข้อในการร่วมมือกันพัฒนาระบบการเชื่อมต่อการใช้สถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามเครือข่ายกับทางภาครัฐเเละภาคเอกชน หรือ ที่เรียกชื่อโครงการนี้ว่า ChargingConsortium ได้เเก่
หนึ่ง -เพื่อให้ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้บริการอัดประจุไฟฟ้าได้ในทุกเครือข่ายฯ รวมไปถึงการมีระบบการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน สอง-เพื่อร่วมกันแสวงหาแนวทางในความร่วมมือให้ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้เครื่องมือ เช่น บัตร หรือ QR code โปรแกรมหรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้สามารถอัดประจุไฟฟ้าได้ข้ามเครือข่าย โดยไม่จำกัดเฉพาะของเครือข่ายใดเครือข่ายหนึ่งเท่านั้น สาม-เพื่อร่วมกันพัฒนาการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินค่าบริการจากผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้บริการต่างเครือข่าย ที่สามารถบริหารจัดการทั้งรายรับและรายจ่ายให้กับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจได้อย่างเป็นธรรมผ่านบริการแอพพลิเคชั่นของสมาชิกในกลุ่ม Charging Consortium
ซึ่งในเรื่องนี้ ทางสมาคมขอขอบคุณคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีมติเห็นชอบแนวทางการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้าโดยใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบคงที่ตลอดทั้งวันมีค่าเท่ากับอัตราค่าพลังงานไฟฟ้าช่วงเวลา Off Peak ของผู้ใช้ไฟฟ้าเท่ากับ 2.6369 บาทต่อหน่วย (สำหรับแรงดันไฟฟ้าน้อยกว่า 22 kV) ตามเงื่อนไขการบริหารจัดการแบบ Low Priority เพื่อให้สามารถควบคุมการใช้ไฟฟ้าของสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้เมื่อมีข้อจำกัดด้านความจุไฟฟ้าของระบบจำหน่ายไฟฟ้า และเพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่นในภาพรวม
นายสรรเพชญ ตั้งเสาวภาคย์ กรรมการ เเละประธานกลุ่ม WG3 สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยประจำสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยกล่าวว่า ทางสมาคมฯ ได้จัดทำให้มีตราสัญลักษณ์ Charging Consortium ที่เป็นสัญลักษณ์ร่วมของกลุ่มพันธมิตรผู้ให้บริการตามสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั่วประเทศกว่า 100 สถานี โดยจะเริ่มมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของสถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามเครือข่ายในระยะแรก (พ.ศ.2563-2564) ที่มุ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบันค่ายรถยนต์บางยี่ห้อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาเเต่ยังไม่มีสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะเป็นของตนเอง
การมีสัญลักษณ์ Charging Consortium จะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าจากทุกค่ายเกิดความมั่นใจในการเข้าถึงการชาร์จไฟฟ้าในที่สาธารณะได้สะดวกมากขึ้น โดยไม่ว่าผู้ขับขี่ต้องการจะจอดชาร์จไฟฟ้าที่ใดผู้ขับขี่ก็จะสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ทันที ไม่ขึ้นกับว่าผู้ใช้งานจะเป็นสมาชิกของเครือข่ายสถานีนั้นอยู่เดิมหรือไม่ นอกจากนี้ทางสมาคมยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรด้านยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศอาเซียน ตัวอย่างเช่น สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งเอเชียแปซิฟิก (Electric Vehicle Association of Asia Pacific หรือ EVAAP) สมาคมยานยนต์ไฟฟ้ามาเลเซีย (Electric Vehicle Association of Malaysia หรือ EVAM) สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าฟิลิปปินส์ (Electric Vehicle Association of Philipines Philippines หรือ EVAP) เป็นต้นซึ่งในอนาคตสมาคมมีเเผนที่จะใช้โมเดลดังกล่าวตามโปรโตคอลการสื่อสารสากลนี้เพื่อเชื่อมต่อระบบเข้ากับผู้ให้บริการสถานีชาร์จในประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ขับขี่จากทุกประเทศที่ต้องการจะขับรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดเดินทางไปในประเทศในกลุ่มอาเซียนเหล่านี้ได้เช่นกัน
หลังจากที่มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ระหว่างสมาคมฯกับองค์กรพันธมิตร ทางสมาคมจะเริ่มหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านระบบการชำระเงินเพื่อทำให้สามารถรับชำระเงินได้ระหว่างเครือข่ายซึ่งคาดการณ์ว่าโมเดลการใช้งานสถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามเครือข่ายดังกล่าวนี้จะเเล้วเสร็จ เเละพร้อมทดลองใช้งานภายในปี 2563 นี้
เกี่ยวกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (Electric Vehicle Association of Thailand)
สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเป็นสมาคมที่ไม่เเสวงหาผลกำไรโดยเเนวทางของสมาคมมุ่งส่งเสริม เเละสนับสนุนการเเลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยี เเละนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทยังรวมไปถึงการให้คำปรึกษาข้อบังคับมาตรฐาน เเละการดำเนินงานในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
ในปัจจุบันสมาคมมี ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ทำหน้าที่นายกสมาคมและมีสมาชิกที่มาจากภาคเอกชน สถาบันศึกษา รัฐวิสาหกิจ เเละบุคคลทั่วไปรวมทั้งสิ้นมากกว่า 234 ราย โดยทางสมาคมมีการกำหนดการจัดการประชุมในทุกๆ เดือน เเละมีการเเบ่งคณะทำงานในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุน เเละส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง เเละยั่งยืนติดตามข่าวสารของสมาคมได้ที่ www.evat.or.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี