นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง สสว. จึงดำเนินการภายใต้แนวทาง สสว. CONNEXT “เชื่อมคน เชื่อมเอสเอ็มอี เชื่อมโลก” ซึ่งประกอบไปด้วย 1.การเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน 2.การลดค่าใช้จ่ายเพิ่มประสิทธิภาพ และ 3.การเพิ่มช่องทางการตลาด เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้กลับมาเข้มแข็ง โดยเชื่อมต่อทั้งช่องตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การจัดงานแสดงสินค้า และการทดสอบตลาด และการจับคู่เจรจาธุรกิจ
การส่งเสริมการตลาดออนไลน์ แบ่งเป็น 1.การดำเนินงานบนแพลตฟอร์มของ สสว. มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการและผู้บริโภค ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และ 2.การสนับสนุนช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการ เช่น เฟซบุ๊คอินสตาแกรม โอเอ (OA) เว็บไซต์ หรือ แอพพลิเคชั่นที่ผู้ประกอบการจัดสร้างเอง หรือผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Shopee หรือ Lazada
สำหรับการดำเนินงานบนแพลตฟอร์มของสสว. เช่น “ตลาดช้อปแชท” บนแอพพลิเคชั่นไลน์โอเพ่นแชท จับกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบสินค้าไลฟ์สไตล์การดำเนินงานของตลาดนี้ทำให้กลุ่มของผู้ประกอบการใหม่ได้ทดสอบตลาดจริง ตั้งแต่การเลือกสินค้า จัดทำข้อมูล โปรโมทสินค้าของตน เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคเป้าหมายหรือตลาด กทบ. สสว. ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบนแอพพลิเคชั่นไลน์ ก็เป็นความร่วมมือระหว่าง สสว. และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) จัดทำขึ้นเพื่อยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสินค้าท้องถิ่น โดย สสว. จะสนับสนุนในการสร้างแพลตฟอร์มการซื้อขาย และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกสื่อภายใต้การดำเนินงานของสสว. และล่าสุด ได้เพิ่มช่องทางอีคอมเมิร์ซ ผ่าน ตลาดมะเฟือง เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าพรีเมียม หรืออัตลักษณ์ ของสมาชิกสสว. ซึ่งเป็นการส่งเสริมการขายออนไลน์เต็มรูปแบบ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมทั้งสิ้นกว่า 35,343 ราย สร้างรายได้ว่า 1,500 ล้านบาท
นายวีระพงศ์กล่าวว่า ในการส่งเสริมการตลาดออฟไลน์ ประกอบไปด้วย การจัดงานแสดงสินค้า และการทดสอบตลาด และการจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ขณะนี้ ผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 11,261 ราย สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ กว่า 11,575 ล้านบาท สำหรับปี 2563 ตลาดต่างประเทศจะเน้นไปยังประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน บาห์เรน อินเดีย และกลุ่มอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เมียนมา เวียดนาม สปป.ลาว หรือ กัมพูชา โดยใช้รูปแบบทั้งออนไลน์ผ่านโปรแกรมคอนเฟอเรนซ์ ควบคู่ไปกับรูปแบบออฟไลน์ สำหรับผู้ซื้อในประเทศไทย เน้นสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ ของตกแต่ง เครื่องสำอาง และธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ
“การจัดงานแสดงสินค้า และการทดสอบตลาดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ จะมุ่งไปที่การขายปลีก เพื่อเพิ่มยอดให้กับเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมกิจกรรม เช่น SME Fest, SME Market Fair, SME Festival Trade Fair โดยจะจัดในศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่ ศูนย์การค้าต่างๆ ศูนย์ราชการและแหล่งชุมชนทั่วทุกภูมิภาค ทั้งหมด 37 ครั้ง ทุกภูมิภาค กลุ่มสินค้าที่ไปจัดแสดงมีทั้ง กลุ่มอุปโภคบริโภค แฟชั่น เครื่องแต่งกาย และอาหาร ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นยอดขายและทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 13,000 ล้านบาท จากตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคชาวไทยช่วยกันอุดหนุนสินค้าไทย” นายวีระพงศ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี