นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจในเดือนกรกฎาคม 2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 5,667 ราย เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ลดลง 1% และเทียบเดือนกรกฎาคม 2562ลดลง 12% เนื่องจากคนยังกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ชะลอการทำธุรกิจใหม่ แต่ถือว่าทิศทางเริ่มดีขึ้นจากการระบาดในช่วงแรกๆ และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นต่อเนื่อง โดยการตั้งธุรกิจใหม่มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 16,714 ล้านบาทเมื่อเทียบกับมิถุนายน 2563 เพิ่มขึ้น 13% เทียบกับกรกฎาคม 2562 ลดลง 27% ธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปรองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร
การจัดตั้งธุรกิจใหม่อันดับ 1 และ 2 ยังคงเหมือนกับการจดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนก่อนหน้านี้ แต่อันดับ 3 เริ่มเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 จากปกติจะเป็นธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร เปลี่ยนมาเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการขนส่ง ที่เติบโตขึ้นจากมาตรการล็อกดาวน์ และวิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนไปหันไปใช้ช่องทางออนไลน์ในการซื้อสินค้าและอาหารมากขึ้น ทำให้มีการจดตั้งบริษัทใหม่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารลดลงเพราะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่เกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์ ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา แต่คาดว่าน่าจะดีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐจัดกิจกรรมอบรม สัมมนาในต่างจังหวัด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัว
สำหรับธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 1,261 รายเทียบกับมิถุนายน 2563 ลดลง 6% และเทียบกับกรกฎาคม 2562 ลดลง 21% มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 7,668 ล้านบาท เทียบกับมิถุนายน 2563 ลดลง 49% และเทียบกับกรกฎาคม 2562 ลดลง 7% ธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร
ขณะที่ยอดรวมการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วง 7 เดือน ปี 2563 (มกราคม-กรกฎาคม) มีจำนวน 39,004 ราย ลดลง 13% ทุนจดทะเบียนรวม 121,285 ล้านบาท ลดลง 14% และธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 7,488 ราย ลดลง 9% ทุนจดทะเบียน 34,015ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%
ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น 768,874 ราย มูลค่าทุน 18.53 ล้านล้านบาท
“แม้ว่ายอดจดทะเบียนตั้งใหม่ตลอดช่วง 7 เดือนของปีนี้ ลดลงมาจากปัจจัยหลักคือผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้การดำเนินกิจการต่างๆ ได้ไม่เต็มที แม้ว่าประเทศไทยจะดูแลการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ผ่อนคลายล็อกดาวน์ในกิจการต่างๆ มากขึ้น แต่การดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ ยังอยู่ในประเทศ ทำให้การขยายกิจการยังไม่เต็มที่มากนัก แต่เชื่อว่าจากแนวทางการดูแลการแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทย อยู่ในเกณฑ์ที่ดีน่าจะทำให้นักลงทุนใหม่มั่นใจที่จะดำเนินธุรกิจมากขึ้น จึงเชื่อว่ายอดจดทะเบียนทั้งปีน่าจะเกินกว่า 65,000-70,000 รายได้อย่างแน่นอน” นางโสรดากล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี