“รมว.ดีอีเอส” รับควบรวม “ทีโอที-กสทฯ” ไม่ง่าย แต่เป็นก้าวแรกที่ต้องทำก่อนองค์กรล่มสลาย เตรียมปัดฝุ่น “เน็ตประชารัฐ” ผุดโครงการ “ไวไฟชุมชนเมือง” ให้คนเมืองใช้ประโยชน์เน็ตสร้างรายได้ นำร่อง 10 แห่ง เตรียมลงฟรีไวไฟ หนุนพ่อค้าแม่ค้า “สำเพ็ง”
11 กันยายน 2563 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึง การควบรวม บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ว่า 2 หน่วยงานนี้เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลัก แต่ที่ผ่านมาไปเน้นเรื่องการให้บริการเดินสายโทรศัพท์ ดังนั้นสิ่งแรกที่จะเดินได้ต้องช่วยองค์กรให้รอด ให้ธุรกิจไปต่อได้ การควบรวมทั้ง 2 บริษัท ไม่ใช่แค่ควบรวมและจบ ตอนนี้ทั้ง แคท และ ทีโอที มี 5G แล้ว มีคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) นี่เป็นใบเบิกทาง ในอนาคต แคท กับ ทีโอที จะเป็นบริการของรัฐที่ให้บริการระบบ 5G กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ ภาคเอกชนบางส่วน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ภายในเร็วนี้
“ผลงานในการควบรวมไม่ใช่ได้ชื่อแล้วจบ การที่บอกไม่มีผลงานจับต้องไม่ได้ อยู่ดีๆจะมีผลงานได้อย่างไร มันต้องทำก่อน แต่ถามว่าจะทำเสร็จภายในยุคของผมหรือไม่ ไม่ต้องเสร็จภายในยุคผมหรอก แต่ถ้าไม่เริ่มทำมันก็ไม่เกิด การควบรวมทำมากันกี่ปีแล้ว 5G ที่เกิดขึ้นมันคือสิ่งที่จะมารองรับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง AI การควบคุมดีไวซ์ ในโรงงานอุตสาหกรรม การรักษาพยาบาลทางไกล เป็นหลักคิดที่จะต่อยอดให้ทีโอที แคท มีรายได้ นี่คือก้าวแรกที่ต้องทำให้ได้ อย่าว่าแต่ผลงานเลย องค์กรมันจะล่มสลายก่อน ถามว่ามาในยุคที่ยากหรือไม่ ทุกยุคก็มีเงื่อนไขต่างกันไป อย่างยุคนี้มีความหลากหลาย ทั้งโรคระบาด มี 5G โลกมันเปลี่ยน แต่ก่อนเรื่องออนไลน์ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้มีเรื่องอะไรก็โยนมาใส่กระทรวงฯ เมื่อคนคิดแบบนั้นกระทรวงฯ พร้อมที่จะรองรับเรื่องพวกนี้หรือยัง” รมว.ดีอีเอส กล่าว
ขณะเดียวกันโครงการเน็ตประชารัฐในปัจจุบันที่เกิดปัญหาแต่โครงการได้เดินไปไกลแล้ว ทำให้กระทรวงฯ ต้องกลับมาเริ่มโครงการ ที่มีชื่อว่า “เน็ตชุมชนเมือง” กลับมาเริ่มทำเน็ตชุมชนเมือง เพราะเมื่อคนเมืองได้เห็น ประชาชนที่ได้รับประโยชน์ เหตุผลที่เราต้องทำตรงนี้ เนื่องจากมีประชาชนจริงๆ ที่อาศัยอยู่ในเมืองยังไม่ได้รับประโยชน์จากการให้บริการฟรีไวไฟ จริงๆ ก็ต้องจ่ายเงิน คนมีเงินก็สามารถใช้งาน ส่วนคนไม่มีเงินก็ไม่ได้ใช้เน็ต เพราะฉะนั้น เน็ตประชารัฐเข้าไปในพื้นที่ c+ ในพื้นที่ห่างไกลชนบท แต่คนในเมืองที่จำเป็นต้องใช้ในการซื้อขายผ่านออนไลน์ ไม่ได้ใช้จริง
“เราเอาเงินไปทุ่มเน็ตประชารัฐเพื่อให้คนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึง ซึ่งอันนั้นเป็นเรื่องที่ดีนะ โครงการเก่า แต่ว่าเราอาจจะต้องเพิ่ม เนื่องจากความต้องการเน็ตประชารัฐในสมัยก่อนเน็ตประชารัฐมีเสาเดียว เพียงพอ แต่ปัจจุบัน นิวนอร์มอล ทุกคนต้องใช้หมด เรียนผ่านออนไลน์ ใช้ขายของออนไลน์ เรียกแกร๊บส่ง อีก ถัดไปเน็ตประชารัฐต้องขยับ โครงการให้บริการไวไฟชุมชนเมือง กระทรวงนำร่องไปแล้ว 10 แห่ง ในพื้นที่ กทม.5 แห่ง และต่างจังหวัด 5 แห่ง เหตุผลที่จะต้องทำ ชุมชนเมืองไม่ใช่แค่ให้เอาไวไฟไปให้ชาวบ้านใช้จบ ตอนนี้ให้ไปศึกษาที่จะเริ่มทำที่สำเพ็ง คนแถวนั้นที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า ก็จะมีทีมเข้าไปช่วยพ่อค้าแม่ค้าสร้างอาชีพการขายออนไลน์เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น” รมว.ดีอีเอส กล่าว
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นโครงการสร้างไวไฟในสำเพ็ง จะมีทีมที่พร้อมการสอนให้คนใช้เป็น เพื่อสร้างการค้าและพัฒนาตัวเองเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อขายของ ช่วยให้ค้าขายนอกสำเพ็งได้มากขึ้น ทำให้เห็นผลลัพธ์ เร็วและได้ประโยชน์ โดยโครงการเน็ตชุมชน จะมีความเร็วที่ 100-200 Mbps เป็นฟรี ไวไฟ ชุมชน แฟลต นอกจากติดตั้ง ยังแนะนำให้ใช้ประโยชน์ด้วย เราต้องมองผลสัมฤทธิ์ ต่อยอดในอนาคต เป็นแนวคิดใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้และการปรับตัวเข้าสู่ออนไลน์ เป็นกลยุทธ์เชิงรุก แบบ New Normal และมีประโยชน์ต่อการพัฒนาเขิงเศรษฐกิจ เป็นการต่อยอดพัฒนาอาชีพให้ประขาชนได้ โดยจะขอความร่วมมือจาก ทั้งแคท และทีโอที จำนวน 20 แห่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี