นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการบรรเทาผลกระทบให้แก่ลูกค้าของธนาคารจากปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ภายหลังจากที่ธนาคารให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าครอบคลุมทั้งการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย, พักชำระเงินต้น หรือ ลดอัตราดอกเบี้ย ผ่าน 10 มาตรการของธนาคาร โดยมีลูกค้าเข้ามาตรการทั้งสิ้น 511,110 บัญชี วงเงินสินเชื่อ 430,439 ล้านบาท
แต่จากสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนและสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างรวมถึงปัญหาด้านรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า คณะกรรมการธนาคารจึงมีมติขยายระยะเวลาความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายใต้“มาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และ “โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ” ระยะที่ 2 เฉพาะลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างการได้รับความช่วยเหลือใน 3 มาตรการ ครอบคลุมจำนวนลูกค้าที่มีสิทธิ์ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือจากเดิมที่จะสิ้นสุดการช่วยเหลือในวันที่31 ตุลาคม 2563 จะขยายระยะเวลาไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 รวมเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 250,000 ล้านบาท” นายฉัตรชัย กล่าว
สำหรับการปล่อยสินเชื่อสะสมถึงวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ปล่อยไปแล้ว 143,900 ล้านบาท โดยในช่วงปลายปีนี้จะมีการเร่งปล่อยสินเชื่อใหม่ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อปีนี้ทำได้กว่า 215,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 210,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ธนาคารยังมีแนวคิดจะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อ Two-GEN หรือผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้เลือกผ่อนชำระได้ 2 generation หรือยาวนานสูงสุดถึง 70 ปี ซึ่งมีเป้าหมายหลัก
คือการช่วยเหลือให้ลูกค้าประชาชนมีบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระได้นานขึ้น โดยพิจารณาวงเงินให้กู้จากรายได้ของบิดา-มารดา ส่วนระยะเวลาการผ่อนชำระสามารถเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่สูงสุดไม่เกิน 40 ปี ขยายเป็น 70 ปี ด้วยการนำอายุของบุตรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปมาเป็นผู้กู้ร่วม
ทั้งนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดเพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการธนาคาร รวมถึงกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาความเหมาะสม ทั้งนี้ยืนยันว่า
แนวคิดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตนเองได้มากขึ้นเท่านั้น โดยลูกค้าที่มีศักยภาพทางรายได้ ยังคงสามารถเลือกจำนวนปีที่ต้องการผ่อนชำระ อาทิ 15 ปี 20 ปี 30 ปี หรือ 40 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้สุทธิของผู้กู้ หรือราคาที่อยู่อาศัย และวงเงินกู้ที่ต้องการได้ตามปกติต่อไป
นายฉัตรชัยกล่าวว่า ปีนี้ธนาคารมีแผนในการยกระดับการให้บริการดิจิทัลเพื่อให้ลูกค้าประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของธนาคารได้ง่าย และรวดเร็ว จึงได้จัดทำโครงการ “G H Bank New Normal Services” (Phase 1) ด้วยการพัฒนาฟังก์ชั่นบริการเพิ่มเติมทั้งทางด้านการเงินและสินเชื่อเพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลด้วย Mobile Application :GHB ALL
ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการ Application :GHB ALL และยังใช้งานอยู่ 710,318 บัญชี และมีการทำธุรกรรมการโอนเงินและชำระหนี้เงินกู้ผ่าน GHB ALL จำนวน 590,769 รายการ เพิ่มขึ้นกว่า 375,981 รายการ หรือเพิ่มขึ้น 57.13% และหลังจากนี้ธนาคารจะยังคงพัฒนาบริการเพิ่มเติมใน Phase 2 ซึ่งจะเริ่มให้บริการได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยตั้งเป้าสิ้นปี 2563 จะมีจำนวนลูกค้าที่ทำธุรกรรมการโอนเงินและชำระหนี้เงินกู้ผ่าน GHB ALL เพิ่มเป็น 756,300 รายการ หรือเพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับธุรกรรม ณ สิ้นปี 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี