“การคมนาคม” นับเป็นปัจจัยสำคัญ ในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศ นำไปสู่การแข่งขันกับนานาประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งยังเป็นการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ยิ่งไปกว่านั้น คือ การอำนวยความสะดวกการเดินทางให้กับประชาชน รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวด้วย
แน่นอน “กระทรวงคมนาคม” ในฐานะผู้กำกับดูแลภาคการคมนาคม ขนส่งของประเทศ ครอบคลุม ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ จึงได้กำหนดนโยบาย หรือแนวทางในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อตอบโจทย์ และสอดคล้องกับการเติบโตในด้านต่างๆ
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ล่าสุด “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี ตามข้อสั่งการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงเส้นทางสู่ภาคใต้ พร้อมเร่งขับเคลื่อน 5 โครงการยักษ์ ที่จะเป็นการเติมเต็มโครงข่ายการเดินทาง ในเส้นทางที่จะเชื่อมโยงจากประตูสู่ภาคใต้ไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เปิดประเดิมด้วย 1.ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย กม.9+800 กม.21+500 ระยะทาง 11.700 กม. วงเงิน 2,300 ล้านบาท ที่ได้ดำเนินการได้ขยายช่องจราจร จากเดิมมี 10 ช่องไปกลับ เป็น 14 ช่องไปกลับ จากข้อมูลล่าสุดนั้น พบว่า ปัจจุบันมีก้าวหน้าอยู่ที่ 82% ซึ่งได้ปูผิวจราจรแล้วเสร็จทั้งหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างสะพานกลับรถ (เกือกม้า) 2 ตัว คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ (ธ.ค. 2563)
2.โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 79,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขออนุมัติโครงการในรูปแบบ PPP คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติภายในปี 2564 จากนั้นจะเปิดประมูลในปีเดียวกัน ก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างในปี 2565 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี หรือแล้วเสร็จในปี 2568
โดยในระหว่างนี้ กรมทางหลวงได้ดำเนินการจัดทำประชาพิจารณ์และทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากแนวเส้นทางของโครงการดังกล่าว ซึ่งมีจำนวนระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการตามความต้องการของประชาชน และให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม หากการทำความเข้าใจไม่เป็นผลสำเร็จ จะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ตอน เพื่อให้เดินหน้าโครงการได้อย่างต่อเนื่อง และไม่ล่าช้า คือ ตอนแรกนครชัยศรีถึงเพชรบุรีบริเวณที่ติดปัญหาด้านหัว และตอนที่ 2 จากชะอำถึงเพชรบุรีอีกด้านหนึ่ง
3.โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ระยะทาง 26 กม. วงเงิน 32,187 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ตอน คือ ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 10.6 กม. วงเงิน 10,500 ล้านบาท หรือโครงการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อ(ถนนพระราม 2) กม.11+959-21+500 ระยะทางรวม 10.6 กม. โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จในปี 2565 ในส่วนของช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16 กม. ที่จะเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร
นอกจากนี้ จะมีด่านเก็บค่าผ่านทางที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาบริหารจัดการในรูปแบบระบบเก็บค่าผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น (M-FLOW) นั้น เตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาในช่วงต้นเดือนหน้า (ต.ค. 2563) หาก ครม. มีมติเห็นชอบโครงการฯ จะเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาหาผู้รับจ้าง โดยจะใช้งบประมาณก่อสร้างจากกองทุนมอเตอร์เวย์มาดำเนินการ ใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 3 ปี หรือแล้วเสร็จในปี 2567
4.โครงการทางหลวงแนวใหม่ เชื่อมต่อสามแยกวังมะนาว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ระยะทางรวม 36.8 กม. วงเงิน 2,650 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าเวนคืน) ซึ่งถือเป็นโครงการที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามมติ ครม.สัญจร ที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันได้รับงบประมาณปี 2564 วงเงิน 40 ล้านบาท เพื่อสำรวจและออกแบบรายละเอียด พร้อมทั้งทบทวนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) จากนั้นจะเสนอของบประมาณก่อสร้างและเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2565 จากเดิมจะเสนอของบในปี 2566 เมื่อโครงการแล้วเสร็จนั้น จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรบนถนนหมายเลข 4 และบริเวณแยกวังมะนาว รวมถึงเป็นทางหลวงอีกเส้นหนึ่ง สำหรับประชาชนใช้เดินทางลงสู่ภาคใต้ด้วย โดยคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการในปี 2568
สำหรับโครงการทางหลวงแนวใหม่ เชื่อมต่อสามแยกวังมะนาว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณสามแยกวังมะนาว ถึง อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี แบ่งช่วงดำเนินการ เป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ช่วงสามแยกวังมะนาว-บ.หนองลังกา ระยะทาง 14.8 กม. ก่อสร้างเป็นทางแนวใหม่ ขนาด 4 ช่องจราจร รวมทางแยกต่างระดับ, ตอนที่ 2 ช่วง บ.หนองลังกา-บ.ห้วยศาลา ระยะทาง 7.1 กม. ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3206 ขยายเป็น 4 ช่องจราจร และตอนที่ 3 ช่วง บ.ห้วยศาลา-สี่แยกเข้า อ.หนองหญ้าปล้อง ระยะทาง 14.9 กม. ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3510 ขยายเป็น 4 ช่องจราจร
5.โครงการปรับปรุงก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (สะพานสิริลักขณ์) ที่ตัดผ่านบริเวณเมืองราชบุรี ซึ่งในขณะนี้ได้รับงบประมาณ 700 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตามแผนการดำเนินการนั้น จะใช้งบประมาณปี 2564 เพื่อสำรวจออกแบบและศึกษารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะดำเนินงานก่อสร้างในปี 2566 และแล้วเสร็จในปี 2568
อย่างไรก็ดีการดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น สืบเนื่องจากในปัจจุบันตัวสะพานเดิมมีสภาพทรุดโทรม มีอายุการใช้งานมากกว่า 65 ปี มีขนาด 4 ช่องจราจร ไป-กลับ ทำให้รองรับปริมาณการจราจรได้ไม่เพียงพอ จึงมีแผนปรับปรุงเป็นสะพานขนาด 3 ช่องจราจรคู่ขนาน รวม 6 ช่องจราจรไป-กลับ ความยาวสะพานข้างละ 267 เมตร ขณะเดียวกัน จะมีการพิจารณาแยกดำเนินการสะพาน 6 ช่องจราจรไปกลับด้านข้างสะพานเดิม เพื่อไม่ให้มีปัญหา และกระทบกับการจราจรในระหว่างการก่อสร้าง
.. เส้นทางดังกล่าว ซึ่งถือเป็นประตูสู่ภาคใต้ ที่จะช่วยให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก มุ่งสู่เส้นทางท่องเที่ยวหลากหลาย และทำให้การขนส่งสินค้าต่างๆ รวดเร็ว ปลอดภัยได้ยิ่งขึ้น..!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี