นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้ตรวจเยี่ยมบมจ. ปตท.เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 โดยได้กำชับให้ ปตท.ดำเนินการลงทุนให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยแผนปีนี้กลุ่มปตท.ได้ดำเนินการลงทุน 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้จากแผน
5 ปี (พ.ศ.2563-2567) มูลค่าการลงทุน 9 แสนล้านบาท โดย ปตท. ได้รายงานพร้อมเดินหน้าตามแผน และยังแจ้งว่าจะบริหารเชิงรุกด้วยการสร้างความร่วมมือกับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ล่าสุด ปตท.ได้ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม ผลิตยารักษามะเร็ง ถือเป็นตัวอย่างการลงทุนหนึ่ง
“ได้กระตุ้นให้ปตท.ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนร่วมลงทุน โดยเฉพาะพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการหรือนักลงทุนหลายรายที่พร้อมพิจารณาประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหนึ่งของนโยบาย โดยผู้ประกอบการหลายรายต้องการปรับเปลี่ยน หรือเปลี่ยนวิถีของการทำธุรกิจจากฐานการผลิตเดียวเป็นหลายฐานฯ”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากมาตรการคนละครึ่ง หรือ โคเพย์(วงเงิน 3,000 บาท) นั้น จะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นคนมีเงิน เป็นเซอร์ไพรส์ออกมาเร็วๆ นี้ แน่นอน ส่วนมาตรการกระตุ้นด้านพลังงานจะมีโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนออกมาเดือนตุลาคมนี้
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ปตท.เตรียมประกาศโครงการเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติหลักการให้พนักงานร่วมกับปตท.กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2563 โดยปตท.จะออกค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานที่เดินทางท่องเที่ยวไม่เกิน 5,000 บาท/ราย จากพนักงานปตท.ที่มีอยู่ 3,800 คน ใช้งบประมาณทั้งหมด 18 ล้านบาท และคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการนี้ราว 4-5 เท่า จากงบประมาณดังกล่าว
สำหรับเงื่อนไขการท่องเที่ยว ประกอบด้วย การท่องเที่ยวในวันธรรมดาด้วยการพักค้างคืน และการท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ต้องท่องเที่ยวในพื้นที่ห่างจากที่พัก 300 กิโลเมตรขึ้นไป โดยพนักงานสามารถนำใบเสร็จค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าตั๋วเข้าชมสถานที่ และอื่นๆ มาเบิกภายใต้งบประมาณที่ให้ โดยปตท.จะออกให้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งหากพนักงานใช้งบไม่หมดในครั้งเดียวก็สามารถเก็บใช้ในครั้งต่อไปได้อีก แต่จะต้องไม่เกิน 5,000 บาท/ราย ในช่วงเวลา 3 เดือน
ส่วนบริษัทลูกจะใช้มาตรการเดียวกับปตท.หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท แต่เบื้องต้นได้รับทราบว่า บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ก็พร้อมที่จะดำเนินการดังกล่าวด้วยเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี