คมนาคม-เกษตรลุย kick off ยางพาราถนนภาคอีสาน นำร่องทางหลวงหมายเลข 2033 ตอนคำพอก-หนองญาติ นครพนม พร้อมชูใช้"ยางก้อนถ้วย" ผลิต "แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต" และหลักนำทางยางธรรมชาติดันราคายาง121บ./กก.
25 กันยายน 2563 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานเปิดโครงการนำการนำยางพารามาใช้ เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Of) บริเวณทางหลวงหมายเลข 2033 ตอนคำพอก-หนองญาติ ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย โพธิสุ รอง ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ปลัดกระทรวงฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม อธิบดี กรมทางหลวง อธิบดีกรมทางหลวงชนบท อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมงาน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา รับทราบ แนวทางการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยดังกล่าว โดยใช้แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต (Rubber Fender Barrier: RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post RGP) รวมถึงตามที่เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2563 ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องอุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพารา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงาน สังกัดกระทรวงคมนาคม เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของโครงการนี้ โดยมีผลศึกษาและทดสอบชัดเจนว่า การนำ “แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” และ “หลักนำทางยางธรรมชาติมาใช้สามารถที่จะช่วยลดแรงปะทะที่เกิดจากการชน ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน รวมถึงมีสัดส่วน การใช้น้ำยางพารา เป็นส่วนผสมจำนวนมาก ซึ่งเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราสร้างรายได้โดยตรงให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท
"ราคายางก้อนถ้วย ในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขึ้นสูงถึง 37.10 บาทต่อกิโลกรัม จากช่วง กลางเดือนสิงหาคมที่เปิดตัวโครงการ ในการเซ็นต์ ข้อตกลงร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ในช่วงนั้นยางก้อนถ้วยมีราคาประมาณ 32 บาทต่อกิโลกรัม โดยการนำยางก้อนถ้วยมาใช้ในการผลิตแผ่น ยางพาราคลุมแท่งแบริเออร์ ทุก 1 เมตร ใช้ยาง 28 กิโลกรัม โดยมีราคาขายที่ 3,400 บาท ดังนั้นเป็นการเพิ่มมูลค่า ยางพารา ได้ถึง 121 บาทต่อกิโลกรัม เป็นการยกระดับยางพาราก้อนถ้วย ไปทั้งระบบอีกด้วย" นายศักดิ์สยาม กล่าว
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะได้ไปศึกษากระบวนการผลิต อุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยทางถนนด้วยการใช้ยางก้อนถ้วย ซึ่งเป็นผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่นิยมทำกันมากกว่า 55% ของเกษตรกรชาวสวนยางใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ เนื่องจากยางก้อนถ้วย ผลิตง่าย และไม่ต้องใช้เงินลงทุนและแรงงานจำนวนมากเมื่อนำยางก้อนถ้วยมาใช้ในโครงการฯ จะสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรทำให้เกษตรกรชาวสวนยางพารา มีรายได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต เป็นการสร้างเสถียรภาพด้านราคายางพาราใน ประเทศให้มากขึ้น สำหรับกำหนดการเปิดโครงการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Off) ในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ประกอบไปด้วย วันที่ 25 ก.ย. 2563 จังหวัดนครพนม จากนั้นในวันที่ 26 ก.ย.2563 จังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดเลย ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 จังหวัด เป็นจังหวัดที่มีการปลูกยางพารามากที่สุดเป็นอันดับต้นๆของ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้เปิดโครงการดังกล่าวในวันที่ 25 ส.ค. 2563 ที่จังหวัดจันทบุรี และเริ่มมีการใช้ยางพารามาตลอด มาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยถึง 25 ก.ย. 2563 ได้ส่งผลให้ราคาน้ำยางพาราสดขยับราคาขึ้นเป็น 61 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 43 บาทต่อกิโลกรัมเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ทางรัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ และมีสัดส่วนการใช้น้ำยางพาราเป็นส่วนผสมจำนวนมาก
ซึ่งเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา สร้างรายได้ โดยตรง ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ส่วนแผนการดำเนินการใช้แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต (Rubber Fender Barrier: RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post RGP) ล่าสุดมีการใช้งบกลางปี 2563 ทาง ครม.ได้อนุมัติงบกลางล๊อตแรก ให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทไปดำเนินการวงเงิน 2,700 ล้านบาท ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือน พ.ย.นี้
ด้าน นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ จะทำหน้าที่กำกับคุณภาพในการผลิตอุปกรณ์ทางด้าน การจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพารา พร้อมทั้งคัดเลือกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจ ชุมชน ที่กระทรวงรับรองให้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งยังสนับสนุนจัดเตรียมเครื่องมือและวัตถุดิบให้เป็นไปตามรูปแบบ มาตรฐาน และราคาตามที่กระทรวงคมนาคมกำหนด
ด้าน นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า การนำยางพารามาใช้เป็นอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยทางถนน รวมทั้งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวน ยางพาราให้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นการดูดซับปริมาณยางพาราออกจากระบบ สร้างเสถียรภาพราคายางพารา อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต พร้อมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ซึ่งได้มีการศึกษาและวิจัยพบว่า มี 2 ผลิตภัณฑ์ ที่มีความเหมาะสมและมีปริมาณยางพาราเป็นส่วนผสมจำนวนมาก สามารถลดความรุนแรงของการชนปะทะได้ โดยก่อนนำมาใช้งานจริง ได้ทำการทดสอบทั้งในประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้แล้ว โดยใช้รถยนต์และ รถจักรยานยนต์วิ่งเข้าชนเพื่อวัดแรงปะทะที่เกิดขึ้น ผลการทดสอบพบว่า ผู้ขับขี่ได้รับค่าแรงกระแทกน้อยกว่าค่ามาตรฐาน สามารถลดอัตราความรุนแรงที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้เป็นอย่างมาก
นายปฐม กล่าวต่ออีกว่า กรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้กำหนดแผนการดำเนินโครงการ ดังกล่าว ในปีงบประมาณ 2563-2565 โดย มีปริมาณการใช้ยางพารา จำนวน 1,007,951 ตัน และจะนำ 2 ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าว มาใช้ติดตั้งบนถนนของ ทล. และ ทช. ระยะทางรวม 12,282 กิโลเมตร คิดเป็นผลประโยชน์ที่เกษตรกรชาวสวน ยางจะได้รับ จำนวน 30,108 ล้านบาท และจะมีการสำรวจตรวจสอบเพื่อเปลี่ยนแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต และหลักนำทางยางธรรมชาติ ทดแทนที่เสื่อม เสื่อมสภาพหรือมีความเสียหายเกิดขึ้น ซึ่งต้องใช้ยางพาราในทุกๆ ปี ปีละไม่น้อย กว่า 336,000 ตัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี