ขณะที่เศรษฐกิจไทยทำท่าจะกู่ไม่กลับ จากที่ต้องเผชิญกับวิกฤตไวรัสโควิด- 19 ที่ทำเอาทุกอณูของระบบเศรษฐกิจพังครืนภาคธุรกิจ บริการ และการท่องเที่ยวจมปลักระอักกันถ้วนหน้า และเชื่อว่าต้องใช้เวลามากกว่า 2-3 ปีกว่าจะกลับฟื้นคืนมาเหมือนช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
ฟังถ้อยแถลงของแบงก์ชาติ เมื่อสองวันก่อน ก็ได้แต่หดหู่ใจ เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกล่าสุดที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์โดย “ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ)”เตรียมจะเทกระจาด โดยจะแจกเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป 15 ล้านคน ๆ ละ 3,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้คนเหล่านั้นนำเงินไปใช้จ่ายใช้ซื้อสินค้าและบริการ วงเงินร่วม 45,000 ล้านบาท โดยคาดว่า เมื่อรวมกับเม็ดเงินในส่วนที่ผู้ได้สิทธิต้องร่วมออก (50/50) จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากกว่า 90,000 ล้านบาท และหากเป็นไปตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ว่าเงินจะต้องหมุนไปอีก 4-5 รอบแล้ว เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนนี้จะสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added)ให้กับระบบเศรษฐกิจได้กว่า 450,000 ล้านบาท
แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนั้นหรือไม่ทุกฝ่ายรู้แก่ใจกันดี เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกแล้วระลอกเล่าที่รัฐบาลเทกระจาดลงไปนับแสนล้านบาทก่อนหน้านั้น สร้างแรงกระเพื่อมให้กับเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหนทุกฝ่ายรู้แก่ใจกันดี ส่วนหนึ่งที่ทำให้เม็ดเงินนับแสนล้านหายไปจากระบบนั้น ก็เพราะการหลอมรวมทางเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล และ 4/5 จี ได้ทำให้ทุกอณูของระบบเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การซื้อขายสินค้าและบริการได้ย้ายมาอยู่บนโลกดิจิทัลออนไลน์ ไปหมดแล้ว
ประเทศไทยเรา แม้ภาคส่วนต่างๆ จะเล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีที่กำลังไหลบ่าเข้าสู่ประเทศ เห็นภาคการเงิน บริการการเงิน สถาบันการเงินได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการหลอมรวมทางเทคโนโลยีได้เห็นการเติบโตของธุรกิจขนส่งด่วนที่ผุดขึ้นมาเห็นดอกเห็ดจะ Grab Food Lineman เคอร์รี่ ฯลฯ เห็นแพลตฟอร์มต่างประเทศอย่าง FB Line Google ตลาดการค้าออนไลน์ e commerce Lazada Alibaba ฯลฯ แต่ประเทศไทยเราก็หาได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เหล่านั้นเอาไว้ได้ ด้วยเหตุที่แพลตฟอร์มบริการบนโลกออนไลน์หรือที่เรียก Over the Top: OTT ของเรายังคงมีความล้าหลัง ไม่สามารถจะรองรับการเติบโตของธุรกรรมออนไลน์เหล่านี้ได้
เม็ดเงินที่รัฐบาลเทกระจาดลงไปให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอย เมื่อถูกใช้บนโลกออนไลน์ ซื้อของผ่านโลกออนไลน์ ผ่านตลาด อีคอมเมิร์ซทั้งหลายแหล่ จึงถูกดูดออกไปจากระบบไปต่างประเทศกันหมด โดยที่เราได้แต่นั่งทำตาปริบๆ แม้เราจะเปิดให้บริการ 5 จีได้ก่อนใครในภูมิภาคนี้ แต่หน่วยงานที่จะมาขับเคลื่อนต่อยอด ก็ยังมะงุมมะงาหรา การสรรหา “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช. ) ที่ถูกหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปิดสวิตส์ไปเมื่อ 2 ปีก่อนยังไม่รู้จะทอดยาวไปอีกนานแค่ไหน จึงทำให้ความได้เปรียบที่ไทยมี จ่อจะกลายเป็นความเสียเปรียบถูกบริการ OTT ต่างชาติ "ชุบมือเปิบ"ออกไปอีก!!!
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี