‘ปตท.’เดินหน้าโปรเจ็ควัน คาด 5 ปีสร้างมูลค่าเพิ่ม 3.2 พันล้านบาท
7 ตุลาคม 2563 นายดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า กลุ่ม ปตท. ได้เร่งดำเนินการโปรเจ็ควัน โดยเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ตลอดห่วงโซ่อุปทานของกลุ่ม ปตท.และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่ม ปตท.ในตลาดโลก ซึ่ง พีทีทีเทรดดิ้ง ร่วมกับ 3 โรงกลั่นของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำแผนงานนี้ร่วมกัน เพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจ บริหารจัดการและจัดซื้อน้ำมันดิบร่วมกัน เพิ่มอำนาจการต่อรองในตลาดการค้า โดยจะเริ่มดำเนินการร่วมกันปี 2564 คาดภายใน 5 ปี จะเกิดประโยชนการสร้างมูลค่าเพิ่มประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 3,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินงานของหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ หรือ เทรดดิ้งปีนี้ คาดว่าปริมาณการค้าจะลดลงจากปี 2562 ประมาณ 8% ซึ่งเป็นไปตามการใช้น้ำมันของโลกที่ลดลง โดยปี 2562 พีทีทีเทรดดิ้งมีปริมาณการค้าน้ำมันอยู่ที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 1.4% ของตลาดโลก โดยตลาดการค้าโลกมีปริมาณ 100 ล้านบาเรลต่อวัน โดยในปี 2563 คาดว่าจะมีดีมานด์การใช้น้ำมันลดลงประมาณ 8% จากการแพร่ระบาดของโควิด19ที่ยังคงมีต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทจึงต้องมีความระมัดระวังในการค้าขายเนื่องจากราคามีการผันผวนมาก ซึ่งปัจจุบันธุรกิจเทรดดิ้งสามารถสร้างรายได้ในสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งกลุ่ม ปตท. ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ ปตท.มีกำไรเติบโตขึ้น
นายดิษทัต กล่าวว่า ผลประกอบการของธุรกิจเทรดดิ้งยังขึ้นอยู่กับการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกรรมการค้านอกประเทศ จึงได้จัดตั้งบริษัทในเครือและสำนักงานตัวแทนในจุดศูนย์กลางการค้าต่างๆของโลก อาทิ ประเทศสิงคโปร์ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนครฮูสตัน สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีการทำธุรกรรมการค้าครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศครบวงจรครอบคลุมการจัดหา การนำเข้า การส่งออก และการค้าระหว่างประเทศของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติเหลว ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมทั้งให้บริการบริหารความเสี่ยงด้านราคา เป็นต้น ซึ่งมีคู่ค้ามากกว่า 1,200 บริษัท ในกว่า 70 ประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ส่วนเกินควบคู่ไปกับการขยายฐานการค้าไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าในตลาดสากลของกลุ่ม ปตท.
นายดิษทัต กล่าวว่า หลังจากนี้ราคาน้ำมันไม่น่าจะลดลงต่ำไปกว่าระดับ 35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และพันธมิตร ยังควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันประกอบกับการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากปัญหาสภาพคล่องได้อย่างรวดเร็ว ส่วนแอลเอ็นจีราคาปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว รวมถึงการปิดปรับปรุงแหล่งผลิตบางแห่งทำให้ปริมาณการผลิตหายไปจากระบบประมาณ 2 ล้านตัน ทั้งนี้คาดว่าแรงซื้อจากนอร์ธเอเชียในสัปดาห์นี้จะลดลงเนื่องมาจากวันหยุดยาวในประเทศจีนและเกาหลีใต้ รวมถึงปริมาณคงคลังในยุโรปยังอยู่ในระดับสูงและปริมาณการส่งออกแอลเอ็นจีจากสหรัฐอมริกาเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น หลังจากปิดซ่อมบำรุงเนื่องจากผลกระทบของเฮอริเคน
นอกจากนี้หน่วยธุรกิจเทรดดิ้งได้เปิดศูนย์ ‘T Space@8’ โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาระบบงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการรวบรวมองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. รวมคลังข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลกในการติดตามสถานการณ์พลังงานแบบเรียลไทม์ ผ่านแพล็ทฟอร์มเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อวางกลยุทธ์ตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี