เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 ปิดที่ 1,237.04 จุด ลดลง5.6% จากเดือนก่อน โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้แก่ ความล่าช้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดรวมถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ทำให้ Set Index ปรับลดลง 21.7% จากสิ้นปีก่อน แต่ยังสูงกว่าดัชนีMSCI ASEAN ของอาเซียนที่ลดลง 24.7%
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมพบว่า กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ปรับตัวดีกว่า นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หมวดธุรกิจการเกษตร และหมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน รวมใน SET และ mai ในเดือนกันยายน อยู่ที่ 47,896 ล้านบาท ทำให้ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2563 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 64,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5%
โดยในเดือนกันยายน ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยคิดเป็น 43.51% ของมูลค่าการซื้อขายรวมในช่วง 9 เดือนแรก ของปี ในขณะที่ผู้ลงทุนต่างประเทศยังมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่กว่า 2.76 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันมีกิจกรรม IPO อย่างต่อเนื่อง โดยมีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 1 บริษัท ได้แก่ บมจ.ซัคเซสมอร์บีอิ้งค์ ทำให้ใน 9 เดือนแรก ของปี 2563 รวมแล้วมีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในอาเซียน
ในวันเดียวกัน นายธนวรรธน์พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน 2563 พบว่าดัชนีมีการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ5 เดือน แตะระดับ 50.2 ผู้บริโภคกังวลเสถียรภาพการเมือง หลังจากมีการชุมนุมทางการเมืองหลายครั้งและการลาออกจากรมว.คลัง ของนายปรีดีดาวฉาย ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวช้าและในอนาคตอาจเกิดการว่างงานมากขึ้นจากผลกระทบของโควิด-19
ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีความเป็นห่วงว่าหากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวไม่เห็นผลได้ทันในเดือนตุลาคมนี้ จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวแบกรับภาระด้านการจ้างงานน้อยลงมีความเสี่ยงที่จะปลดคนงานอีก 500,000 คนในช่วงไตรมาส 4 รัฐบาลจำเป็นต้องประคับประคองให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจให้ได้ เพื่อประคองกำลังซื้อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
พร้อมคาดการณ์ว่าในปีหน้าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)ของไทยจะกลับมาเป็นบวกร้อยละ 3-4 ในปีหน้าจากปีนี้ติดลบมากกว่าร้อยละ 7-8
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี