12 ตุลาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำทีมนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ร่วมแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการ"ช็อปดีมีคืน"ที่กระตุ้นการบริโภคคนในประเทศในกลุ่มที่เสียภาษี โดยคืนภาษีสูงสุด 30,000 บาท มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมาตรการนี่จะเริ่มต้นในวันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค.2563 นี้
สำหรับมาตรการ “ช้อปดีมีคืน”ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงหนังสือ และสินค้า OTOP ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 30,000 บาท (ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ สลากกินแบ่งรัฐบาล น้ำมัน ค่าที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน) เริ่ม 23 ต.ค. – 31 ธ.ค. 63
สำหรับเงื่อนไขคือ หากประชาชนได้ใช้สิทธิ์ตาม 1) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ 2) โครงการคนละครึ่ง แล้ว จะไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นการบริโภคในช่วงไตรมาสที่ 4 จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อหมุนเวียนประมาณ 2 แสนล้านบาท
ขณะที่ก่อนหน้านั้นนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการ “ช้อปดีมีคืน” มาตรการที่ภาครัฐออกมาทั้งช้อปดีมีคืน คนละครึ่ง และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ล้วนเป็นมาตรการที่ตอบโจทย์ประชาชนหลายกลุ่ม ที่มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าเงื่อนไขของโครงการช้อปดีมีคืนและคนละครึ่งทับซ้อนกันนั้น แนะนำให้ผู้เข้าร่วมโครงการเลือกโครงการใดโครงการหนึ่งตามความเหมาะสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี