นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบาย และกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และอดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ม.รังสิต เปิดเผยว่า คาดการณ์เศรษฐกิจภาคการลงทุนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลักยกเลิกประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินร้ายแรง ประเมินเบื้องต้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเม็ดเงิน 81,000 ล้านบาท ปลายปีมีประสิทธิภาพดีขึ้นหลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยจากความตึงเครียดทางการเมืองคลี่คลายลงและการชุมนุมทางการเมืองอย่างสงบไม่ใช่เหตุฉุกเฉินร้ายแรง
โดยที่มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 21,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดตัวทวีคูณทางการเงินสูงสุดเมื่อเทียบกับมาตรการโครงการคนละครึ่งวงเงิน 30,000 บาท และมาตรการโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ให้ประชาชนนำเงินที่ใช้จ่ายในสินค้าและบริการมาหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
ขณะที่ มาตรการส่งเสริมท่องเที่ยวภายในประเทศภายใต้โครงการไทยเที่ยวไทย “แพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน” และ “แพ็กเกจ
กำลังใจ” ไม่มีผลมากนักในการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวเพราะใช้สิทธิไม่ถึง 20% ณ เดือนตุลาคม ไม่ได้ส่งผลทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัว ต้องขยายมาตรการออกไปถึงเดือนเมษายนปี 2564 โดยใช้งบประมาณก้อนเดิมก็จะทำให้เป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวมากขึ้นและควรผ่อนปรนเงื่อนไขให้ง่ายขึ้นและสามารถสิทธิท่องเที่ยวภูมิลำเนาของตัวเองได้ ขณะนี้ผู้ใช้สิทธิส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวใกล้ๆ เช่น ชลบุรี ชะอำ หัวหิน เป็นต้น เม็ดเงิน ไม่กระจายไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวในภาคใต้ภาคตะวันออกเฉียงหนือ และภาคเหนือ
ส่วนการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่นำร่องเปิดประเทศล่าสุด ยังต้องรอผลการดำเนินการว่า สามารถควบคุมการแพร่ระบาดและบริหารความมั่นใจเรื่องการปลอดเชื้อ COVID-19 ได้หรือไม่
หากมีการติดเชื้อจากการเปิดท่องเที่ยวจากต่างชาติที่นำร่องอยู่เวลานี้ อาจมีผลกระทบต่อ “โครงการไทยเที่ยวไทย” ทันที
ส่วนการต่อเวลาการพักหนี้ไปจนถึงสิ้นปี ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อลูกหนี้เอ็นพีแอลได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นตราบเท่าที่ยังไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้
นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ส่วนปัจจัยการเมืองนั้นหน่วยงานที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือควรจัดเวทีให้ผู้แทนรัฐบาลและผู้แทนฝ่ายชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเจรจาหารือกันนอกเหนือจากการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อหาทางออกหากไม่เกิดความรุนแรงทางการเมืองในปีนี้ เศรษฐกิจจะหดตัวประมาณ 8% หากเกิดความรุนแรงทางการเมืองจะส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุน การบริโภคและการท่องเที่ยว เศรษฐกิจอาจจะติดลบมากกว่า 8% อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองไม่น่าจะกระทบต่อภาคส่งออกมากนัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี