นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานถึงทิศทางธุรกิจค้าปลีกในตลาดอินเดียในช่วงเทศกาลและพิธีการต่างๆ จากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครมุมไบ โดยได้แจ้งถึงโอกาสในการเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าในกลุ่มของหวาน ของใช้ในชีวิตประจำวัน ของตกแต่งบ้านและเครื่องประดับ เพื่อป้อนตลาดผู้บริโภคชาวอินเดีย ที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลและพิธีการต่างๆ ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 และจะมียาวไปจนถึงเดือนธันวาคม 2563 รวมถึงต้นปีที่มักจะมีพิธีการแต่งงานไปจนถึงสิ้นฤดูหนาวในเดือนมีนาคม 2564
กลุ่มผู้บริโภคชาวอินเดีย นิยมซื้อหาของขวัญให้แก่กันตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 โดยของที่มอบในโอกาสพิเศษอาจเป็นของนำเข้า อาทิ ขนม ผลไม้ และช็อกโกแลตนำเข้า โดยสินค้าไทยนอกจากผลไม้อบแห้งแล้ว ยังมีสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ คือ ขนมประเภทบิสกิต คุกกี้ ซึ่งคนอินเดียนิยมทานขนมที่มีความกรอบร่วมกับชานม (Chai) โดยผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ควรศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคและปรับสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาด ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสส่งออกได้
น.ส.สุพัตรา แสวงศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครมุมไบ กล่าวว่า ยอดขายในเดือนเทศกาล ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีการซื้อหาของขวัญและจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในอินเดีย โดยอดขายในช่วงนี้จะมีสัดส่วนสูงถึงประมาณ 35% ของยอดขายตลอดทั้งปีของธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ประมาณ 10% ของ GDP และ 8% ของการจ้างงานทั้งหมดในอินเดีย ดังนั้นช่วงเวลาแห่งเทศกาลนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจอินเดีย
“ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าไปศึกษาสินค้าที่มีอยู่ในตลาดได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยนอกจากของหวานแล้ว ของขวัญที่นิยมให้กันอาจเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ของตกแต่งบ้าน และเครื่องประดับ ขณะที่บริษัท และหน่วยงานต่างๆ ก็มักเตรียมของขวัญให้กับลูกค้าเช่นกัน ซึ่งสินค้าที่ไทยมีความได้เปรียบในแง่ฝีมือและการออกแบบ คือ ผลิตภัณฑ์เซรามิก ของใช้บนโต๊ะอาหาร รูปตกแต่งบ้าน ตุ๊กตาผ้า รวมทั้งกระเป๋าถือและกระเป๋าใส่เงิน เป็นต้น หากศึกษาตลาดให้ดีก็จะมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น”น.ส.สุพัตรา กล่าว
ในปี 2562 อินเดียนำเข้าบิสกิตจากอินโดนีเซียและมาเลเซียเป็นอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ รวมทั้งจากสิงคโปร์และเวียดนาม ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 15 ด้วยมูลค่าการนำเข้า 1 แสนเหรียญสหรัฐ และอินเดียเป็นผู้ผลิตบิสกิต อันดับที่ 3ของโลกรองจากสหรัฐฯ และจีน แม้ว่าอินเดียจะผลิตได้มาก แต่ก็ต้องการบริโภคมากเช่นกัน โดยผลการศึกษาของแนวโน้มการบริโภคบิสกิตของ Bonafide Market Research Reports พบว่าตลาดบิสกิตในช่วงปี 2561-2566 ขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6% ต่อปี ผู้บริโภคคาดหวังสินค้าที่แปลกใหม่และหลากหลายรวมทั้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี