คลังเร่งสรุปคนละครึ่ง เฟส 2 เสนอเข้า ศบศ.และครม. ต้นเดือนธันวาคมนี้ เริ่มใช้จ่ายมกราคม 2564 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ขยายสิทธิครอบคลุมรายย่อยเพิ่มเป็น 15 ล้านคน ผู้รับสิทธิเฟส 1 จำนวน 10 ล้านคน ได้สิทธิรับในเฟส 2อัตโนมัติด้วย รวมบัตรโดยมีเงื่อนไขขั้นตอนง่ายๆ แต่ให้รีบใช้ภายใน 31 ธ.ค.นี้ พร้อมเติมเงินเพิ่มบัตรสวัสดิการรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในเรื่องการขยายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งให้ขยายโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 คาดว่า จะมีความชัดเจนในเดือนธันวาคมนี้ และเปิดให้ใช้จ่ายได้ในช่วงเดือนมกราคม 2564 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนจากกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ สำหรับเงื่อนไขการลงทะเบียนนั้น เบื้องต้น กระทรวงการคลัง ขอชี้แจงว่า คนที่จะลงทะเบียนคนละครึ่งในเฟส 2 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง ส่วนคนที่เคยลงทะเบียนเฟส 1 แล้ว จำนวน 10 ล้านคน ต้องใช้สิทธิให้หมดภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ถึงจะสามารถเข้าร่วมเฟส 2 ได้
โดยในส่วนของผู้ที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งในเฟส 1 จะสามารถขอใช้สิทธิเฟส 2 ต่อได้เลย แต่มีเงื่อนไขคือ คนที่ได้รับสิทธิ เฟส 1 ต้องใช้จ่ายเงินที่ได้รับ 3,000 บาท ให้ครบภายในวันที่ 31 ธ.ค.63 จากนั้น ทางระบบจะมีปุ่ม หรือ ข้อความให้ผู้ลงทะเบียนเฟส 1 ได้ยืนยันว่า จะเข้าร่วมมาตรการในเฟส 2 ต่อหรือไม่ ถ้ากดยืนยัน จะสามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 2 ต่อได้ทันที
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ส่วนยอดการใช้จ่ายภายใต้โครงการคนละครึ่ง เมื่อวันที่21พ.ย. มูลค่าการใช้จ่ายรวม 23,023 ล้านบาท การใช้จ่ายรวมดังกล่าว เป็นส่วนของประชาชนใช้จ่ายเองกว่า 11,747ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51 และรัฐสมทบกว่า 11,275 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49 ส่วนร้านค้าลงทะเบียนแล้วกว่า 782,000 ร้านค้า
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังเดินหน้าศึกษาใช้มาตรการทางการคลัง ขับเคลื่อนดูแลเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ หลังจากนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงการคลัง เร่งสรุปการขยายมาตรการคนละครึ่งและการเติมเงินค่าครองชีพให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ส่วนรายละเอียดการขยายโครงการคนละครึ่งระยะที่2(เฟส 2) กระทรวงการคลังได้มอบให้ธนาคารกรุงไทย ผู้ดูแลระบบรวบรวมข้อมูลจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด ที่ลงทะเบียนแล้วและลงทะเบียนไม่ผ่าน เพื่อสรุปจำนวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุมกับความต้องการที่สุด
ส่วนเงินการใช้จ่ายในโครงการยืนยันว่าจะเพิ่มเงิน พร้อมขยายเวลาการใช้จ่ายให้คนที่ลงทะเบียนในเฟส1 โดยอัตโนมัติแน่นอน ส่วนคนที่ลงทะเบียนใหม่ในเฟส 2 จะเริ่มใช้จ่ายในช่วงเดือนมกราคม 2564 แต่วงเงินจะได้เท่าไร จะต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง ยืนยันว่า มีแหล่งเงินเพียงพอรองรับการจัดทำโครงการเพิ่ม กำลังซื้อให้กับรายย่อย พ.ร.ก.กู้เงิน1ล้านล้านบาท จากสัดส่วนงบด้านการฟื้นฟูวงเงิน 400,000 ล้านบาท
“หากขยายสิทธิครอบคลุมรายย่อยเพิ่มเป็น 14-15 ล้านคน ต้องศึกษาให้สอดคล้องกับชาวบ้านทั้ง 3 กลุ่ม คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ผู้ลงทะเบียนคนละครึ่ง 10 ล้านคน และผู้ใช้สิทธิช้อปดีมีคืน 3.7 ล้านคน หากใครมีรายได้ฐานการเสียภาษีเกินร้อยละ 10 อาจเลือกใช้ช้อปดีมีคืน เพราะได้รับเงินคืนอย่างน้อย 3,000บาท”นายกฤษฎา ย้ำ
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่าโครงการเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 500 บาท ที่จะสิ้นสุดเดือนธันวาคมนี้ จะขยายเวลาการให้แน่นอน เพราะมีฐานข้อมูลของผู้ถือบัตรอยู่แล้ว 14 ล้านคน
ทั้งนี้ รายละเอียดความชัดเจนของโครงการคนละครึ่ง และการเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะนำเสนอเข้าที่ประชุมประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)พิจารณาในช่วงเดือนต้นธันวาคมนี้ และจะเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นลำดับต่อไป เพื่อให้การดำเนินของโครงการเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงเดือนมกราคม 2564
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ในส่วนของการออกโครงการคนละครึ่ง ได้รับการตอบรับที่ดี เพื่อเป็นการให้พี่น้องในระดับฐานรากได้มีกำลังซื้อ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่ภาครัฐต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ หากมองถึงเศรษฐกิจไทยจะฟื้นขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากดูเดือนต่อเดือนถือว่าดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตามจากในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา สภาพัฒน์ ได้ออกตัวเลขมาแล้วว่าปรับลดดีขึ้นมาอยู่ที่ติดลบ -6.4% หากเทียบไตรมาสต่อไตรมาสเป็นบวกอยู่ที่ 6.5% ในปีนี้ คาดว่าจะติดลบอยู่ แต่ในปัจจุบันรากำลังซื้อส่วนใหญ่มาจากภาครัฐเป็นหลัก โดยใช้ พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เช่นการจัดทำโครงการเที่ยวด้วยกัน เพื่อเป็นการกระตุ้น ทั้งนี้เศรษฐกิจในยามปกติจะเติบโตประมาณ 3% ในกรณีโควิดติดลบ -6% ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ในอีก 2 ปีเป็นอย่างน้อย
ขณะที่ น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยว่าหากดูมาตรการภาครัฐ ที่ออกมาช่วงไตรมาส4เช่น โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน เราเที่ยวด้วยกัน เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนุนและพยุงเศรษฐกิจไตรมาส 4 ให้ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยทั้ง3โครงการ คาดว่าจะทำให้เงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 100,000 ล้านบาท หรือกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจไทยได้ประมาณร้อยละ 0.50 เช่น ช้อปดีมีคืน ที่คาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณร้อยละ 0.15 ของจีดีพี หรือคิดเป็นเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเกือบ 30,000 ล้านบาท ส่วนมาตรการคนละครึ่งคาดว่า จะกระตุ้นจีดีพีได้ประมาณร้อยละ 0.2 ซึ่งคิดเป็นวงเงินกว่า 34,000 ล้านบาท และเราเที่ยวด้วยกันที่คาดว่าจะกระตุ้นจีดีพีได้ประมาณร้อยละ 0.25 หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี